
AOT นำทีม “หุ้นการบิน” วิ่งคึก! ลุ้นนักท่องเที่ยว “จีน” ฟื้นตัว ดันกำไรโตเด่น
AOT บวกแรง 4% นำทีมหุ้นสายการบิน โบรกมองนักท่องเที่ยวจีนผ่านจุดต่ำสุด และจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงปี 69 แตะ 8 ล้านราย หนุนผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ธ.ค.68) ณ เวลา 10:10 น. ราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT อยู่ที่ระดับ 52 บาท บวก 2 บาท หรือ 4% สูงสุดที่ระดับ 52 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 50.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 407.61 ล้านบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI อยู่ที่ระดับ 8.50 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.80% สูงสุดที่ระดับ 8.65 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63.94 ล้านบาท
บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA อยู่ที่ระดับ 14.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.10% สูงสุดที่ระดับ 14.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.98 ล้านบาท
บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV อยู่ที่ระดับ 1.21 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 4.31% สูงสุดที่ระดับ 1.22 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.16 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51.25 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากการเข้าร่วมสัมมนาเรื่อง “จับชีพจรนักท่องเที่ยวจีน : โอกาสและความท้าทายในปี 2026” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมี นายชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน เป็นวิทยากรหลัก
โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วในปี 2568 และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงเทศกาลตรุษจีนไตรมาสแรกของปี 2569 โดยคาดว่าตลอดปี 2569 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยอาจสูงถึง 8 ล้านคน จากช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 ที่มีจำนวนประมาณ 4.1 ล้านคน ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวกลุ่มทัวร์จีน
สำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม 2569 คาดว่าการท่องเที่ยวจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนได้อย่างโดดเด่น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนไปยังประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการฟื้นตัวของกรุ๊ปทัวร์จีน ขณะที่ประเด็นความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา บล.ดาโอประเมินว่ามีผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวค่อนข้างจำกัด
ทั้งนี้ บล.ดาโอ มองว่าไทยยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับเวียดนาม จากจุดแข็งด้านคุณภาพการให้บริการ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แตกต่างจากเวียดนามที่เน้นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นและมีฤดูกาลท่องเที่ยวจำกัด
พร้อมประมาณการกำไรปกติของกลุ่มท่องเที่ยวในปี 2568 และปี 2569 อยู่ที่ 12,200 ล้านบาท และ 13,200 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโต 8.5% และ 8.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของรายได้ต่อห้องพัก การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ พร้อมปรับน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวเป็น “มากกว่าตลาด” จากเดิม “เท่ากับตลาด” เนื่องจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 ถึงไตรมาส 1 ปี 2569 เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดทั้งในประเทศไทยและมัลดีฟส์ ประกอบกับนักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นตัวชัดเจน
ด้านมูลค่าหุ้น บล.ดาโอ ระบุว่าราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับลดลงมาซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรเพียง 13 เท่า จากไตรมาสก่อนที่ระดับ 20 เท่า และยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งอยู่ราว 35 เท่า โดยยังคงเลือกบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL และบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้

