UPA จ่อลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเมียนมาร์ 200MW ราวปลายมี.ค.นี้

UPA จ่อลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเมียนมาร์ 200MW ราวปลายมี.ค.นี้


บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า บริษัทย่อยเตรียมลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าแห่งสหภาพเมียนมาร์ ขนาด 200 เมกะวัตต์ ในราวปลายเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งบริษัทวางแผนลงทุนก่อสร้างและโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติดังกล่าว ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าลงทุนราว 297 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอ.กันบก จ.ทวาย รัฐทะนินทายี ของเมียนมาร์ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวนับเป็นโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 2 มีอายุสัญญา 30 ปี นับแต่วันที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์

UPA แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันศุกร์ อนุมัติให้บริษัทย่อย คือบริษัท เมียนมาร์ ยูพีเอ จำกัด ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าแห่งสหภาพเมียนมาร์ (MEPE) เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและจัดจำหน่าย ซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะยังไม่มีผลใช้บังคับจนกกว่าเงื่อนไขการมีผลบังคับของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทุกข้อจะได้สำเร็จครบถ้วนหรือได้รับการยกเว้น

โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ได้แก่ คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องลงนามในสัญญาเช่าที่ดินที่ใช้สำหรับการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า , MEPE ได้เบิกสินเชื่อก้อนแรกจากผู้ให้การสนับสนุนทางการเงิน เพื่อใช้ก่อสร้างสายส่งกระแสไฟฟ้า ,กระทรวงพลังงานไฟฟ้า ของเมียนมาร์ ออก Letter of Comfort ให้แก่บริษัทย่อย ,บริษัทย่อยได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นสำหรับการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า และเงื่อนไขบังคับก่อนในสัญญาจัดหาสินเชื่อสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าได้รับการปฏิบัติสำเร็จลุล่วงแล้ว

ทั้งนี้ อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาให้การรับรองหรือให้สัตยาบันในการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่ให้การรับรองหรือไม่ให้สัตยาบันแก่การลงนามดังกล่าว ก็จะไม่สามารถดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าต่อไปได้ ขณะที่กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าขนาด 200 เมกะวัตต์นี้นับเป็นโครงการเฟสที่ 2 ของกลุ่มบริษัท ซึ่งคาดว่าบริษัทย่อยจะลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ในช่วงปลายเดือนมี.ค. ซึ่งประเมินว่าสัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้เวลาประมาณ 9-12 เดือนนับจากวันที่ลงนามในสัญญาในการดำเนินการให้เงื่อนไขเป็นผลสำเร็จ และทำให้สัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีผลบังคับและผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

ภายหลังการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว บริษัทวางแผนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง อาศัยเทคโนโลยีระบบผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Cycle System) เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2 ตั้งอยู่ห่างจากอ.กันบก 2.4 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ของโครงการประมาณ 23.4 เอเคอร์ (ประมาณ 59 ไร่) โดยจะเช่าที่ดินจาก MEPE ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวจนถึงวันสิ้นสุดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เป็นเวลา 30 ปี นับจากวันจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการก่อสร้างและดำเนินโครงการนี้

เมื่อก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ โรงไฟฟ้าจะมีกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 220 เมะวัตต์ โดยจะสามารถผลิตและจ่ายไฟฟ้าให้แก่ MEPE ตามสัญญาที่ 200 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทย่อยจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2 ตามพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายจริง ในอัตราค่าไฟฟ้าที่กำหนดในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 0.0333 เหรียญสหรัฐฯ/กิโลวัตต์ -ชั่วโมง โดยโครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2 มีกำหนดก่อสร้าง 3 ปี อายุสัญญา 30 ปี

ทั้งนี้ บริษัทประเมินมูลค่าการลงทุนของโครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2 ไว้ประมาณ 297 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.05 หมื่นล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าเฟสแรก ขนาด 6-20 เมกะวัตต์ ที่ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วเมื่อ 17 มิ.ย.58

สำหรับเงินลงทุนในโครงการเฟส 2 จะมาจากกระแสเงินสด 30% ของมูลค่าเงินลงทุน และจะขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงินในสัดส่วนประมาณ 70% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาและเจรจาเบื้องต้นกับสถาบันการเงินถึงรูปแบบการขอสินเชื่อ ซึ่งจะต้องมีความสอดคล้องกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือนในการจัดหาวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

        

Back to top button