“เอกชัยการแพทย์” ยื่นไฟลิ่งเล็งขาย IPO จำนวน 156.80 ล้านหุ้น

"เอกชัยการแพทย์" หรือ EKH ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลเอกชัย" ยื่นไฟลิ่งเล็งเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 166.80 ล้านหุ้น ขาย IPO จำนวน 156.80 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือจัดสรรให้แก่กรรมการ-ผู้บริหาร-พนักงาน โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็น FA


บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ระบุว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย (ก.ล.ต.)  เมื่อวันที่ 31 มี.ค.59 เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 166.80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะจัดสรรเสนอขายประชาชน 156.80 ล้านหุ้น และส่วนที่เหลือจัดสรรให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท

สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการก่อสร้างศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทต้องการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน           

อนึ่ง EKH ประกอบกิจการสถานพยาบาลภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลเอกชัย” ปัจจุบันมีจำนวนเตียงที่เปิดให้บริการ 86 เตียง และมีห้องตรวจทั้งหมด 38 ห้อง สามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้ถึง 716 คนต่อวัน ลูกค้าหลักแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ลูกค้าทั่วไปที่เป็นผู้ชำระค่าบริการเอง และลูกค้าคู่สัญญา  นอกจากนี้ ยังให้บริการตรวจสุขภาพทั้งการตรวจสุขภาพทั่วไป การตรวจสุขภาพก่อนเข้างาน  รวมถึงการตรวจสุขภาพนอกสถานที่โดยศูนย์ตรวจสุขภาพเคลื่อนที่

ทั้งนี้ ณ วันที่ 22 มี.ค.59 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 216.60 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 433.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท          

โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 22 มี.ค.59 คือ กลุ่มเอื้ออารีมิตร ถือหุ้นรวมกัน 115,573,200 หุ้น คิดเป็น 26.68% หลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 19.26% รองลงเป็นกลุ่มตั้งสัจจะพจน์ ถือหุ้นรวมกัน 107,234,480 หุ้น คิดเป็น 24.75% หลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 17.87% และผู้ถือหุ้นอันดับ 3-6 ได้แก่ กลุ่มเล็กวิริยะกุล จาก 6.32% เหลือ 4.56%, กลุ่มปัญญาสาคร จาก 6.31% เหลือ 4.56%, กลุ่มโพธิเทียนทอง จาก 2.36% และกลุ่มวนดิลก จาก 3.24% เหลือ 2.34%

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 58 มีรายได้รวม 438.61 ล้านบาท จากปี 57 มีรายได้ 423.74 ล้านบาท  กำไรสุทธิ 48.57 ล้านบาท จากปี 57 มีกำไร 32.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิในปีก่อนที่ 11.02% สูงขึ้นจาก 7.57% ในปี 57 ส่วนสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 310.41 ล้านบาท หนี้สินรวม 80.93 ล้านบาท และ ส่วนของผู้ถือหุ้น 229.48 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 0.35 เท่า

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินของบริษัท หลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย

Back to top button