ดาวโจนส์ปิดลบหลังราคาน้ำมันร่วง ขณะตลาดจับตาประชุมโดฮา

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 เม.ย.) หลังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงได้ถ่วงหุ้นกลุ่มพลังงาน ก่อนที่การประชุมประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 28.97 จุด หรือ 0.16% ปิด (15 เม.ย.) ที่ 17,897.46 จุด, ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.05 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 2,080.73 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 7.67 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 4,938.22 จุด อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ ทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวขึ้น โดยดาวโจนส์บวก 1.8% S&P 500 บวก 1.6% และ Nasdaq บวก 1.8% เพราะได้รับแรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีเกินคาด

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอีกในวันศุกร์ ทั้ง WTI และ Brent ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 3 วันติดต่อกันแล้ว ขณะที่เทรดเดอร์ระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมผู้ผลิตน้ำมันจะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ บรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ทั้งกลุ่มโอเปก นำโดยซาอุดิอาระเบีย และนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย จะประชุมร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการตรึงการผลิตที่ระดับปัจจุบัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดก่อนการประชุม มีรายงานว่ารัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่านจะไม่เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม แต่จะส่งผู้ว่าการโอเปกของอิหร่านไปเป็นตัวแทน ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดให้ราคาน้ำมันร่วงทันทีกว่า 2% ลงไปเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 41 ดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง 0.6% ในเดือนมี.ค. เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

ขณะที่เฟด นิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 หรือในรอบกว่า 1 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับคำสั่งซื้อใหม่และการขนส่งสินค้าปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.6 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.6 ในเดือนมี.ค.

ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 7 เดือน ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอในภาคการผลิตของสหรัฐ ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย. ลดลงที่ระดับ 89.7

ด้านทางการจีนได้เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของประเทศยังคงชะลอตัวในไตรมาสแรกของปี 2559 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนในไตรมาสแรกขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 15.9 ล้านล้านหยวน (2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ตัวเลขจีดีพีของจีนสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ข้อมูลล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลจีนเริ่มเห็นผลแล้ว ในส่วนของข่าวคราวความเคลื่อนไหวในภาคธุรกิจ ซิตี้กรุ๊ปรายงานกำไรสุทธิไตรมาสแรกที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.10 ดอลลาร์ต่อหุ้นปรับลด จากรายได้ 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งกำไรและรายได้ของธนาคารออกมาสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม หุ้นซิตี้กลับปรับตัวลดลง 0.13%

หุ้นแอปเปิล อิงค์ ร่วงลงราว 2% หลังมีรายงานว่าบริษัทมีแผนลดการผลิตไอโฟน ภายหลังยอดขาย iPhone 6S และ 6S Plus ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้นแทรเวลเลอร์ส คอมพานีส์ อิงค์ ปรับตัวขึ้น 0.8% เป็นแกนนำหุ้นบวก

Back to top button