ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 106 จุด รับผลประกอบการเอกชนสดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดการให้ความสำคัญต่อข่าวที่ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต และหันไปให้ความสนใจต่อรายงานประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชนสหรัฐ


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ikpรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (18 เม.ย.) ที่ 18,004.16 จุด พุ่งขึ้น 106.70 จุด หรือ +0.60%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,960.02 จุด เพิ่มขึ้น 21.80 จุด หรือ +0.44% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,094.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.61 จุด หรือ +0.65%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่เหนือระดับ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.2558 เนื่องจากนักลงทุนลดการให้ความสำคัญต่อข่าวที่ว่า ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม ไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์

นายมูฮัมหมัด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา รัฐมนตรีพลังงานของกาตาร์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมว่า “ที่ประชุมลงมติว่า เราต้องการเวลามากขึ้น เพื่อที่จะปรึกษาหารือและพูดคุยกันมากขึ้น โดยที่ประชุมได้หารือกันในหลายประเด็น และในบางประเด็นที่เป็นหลักการพื้นฐานนั้น มีความคืบหน้าด้วยดี แต่ถึงกระนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมก็มีความเข้าใจตรงกันว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหารือกันมากขึ้น ก่อนที่จะมีการทำข้อตกลง”

นักลงทุนหันมาให้ความสนใจต่อรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงมอร์แกน สแตนเลย์ ซึ่งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.06 พันล้านดอลลาร์ หรือ 55 เซนต์/หุ้น ในไตรมาสแรก ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีกำไร 46 เซนต์/หุ้นในไตรมาสแรก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ก็ตาม โดยหุ้นเอนเนอร์จี ทรานส์เฟอร์ อิควิตี้ พุ่งขึ้น 10% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ดีดขึ้น 3% และหุ้นเฮสส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 4.7%

หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้น โดยดัชนี Biotechnology Index ดีดตัวขึ้น 1.5% หุ้นเอนโด อินเตอร์เนชันแนล ทะยานขึ้น 8.2% และหุ้นเรเจเนรอน ฟาร์มาซูติคอลส์ พุ่งขึ้น 3.9% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและซอฟท์แวร์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นเปย์พอล โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 2.8%

อย่างไรก็ตาม หุ้นเป๊ปซี่โค ขยับลง 0.05% หลังจากเป๊ปซี่โคเปิดเผยว่า ยอดขายและผลกำไรดิ่งลงในไตรมาสแรก โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่ลดลงในต่างประเทศ ทั้งนี้ เป๊ปซี่โคเปิดเผยว่า ยอดขายลดลง 3% สู่ระดับ 1.186 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.190 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย.โดยมาร์กิต

Back to top button