ดาวโจนส์ปิดบวกรับข้อมูลบ่งชี้ศก.สหรัฐฯสดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกัน 3 เดือนในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (Beige Book) ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (1 มิ.ย.) ที่ 17,789.67 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด หรือ +0.01%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,952.25 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด หรือ +0.08% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,099.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.37 จุด หรือ +0.11%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากผลสำรวจของสถาบัน ISM ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกัน 3 เดือนในเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐสามารถรับมือกับการแข็งค่าของดอลลาร์ และภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 51.3% ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.8% ในเดือนเม.ย. โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐมีการขยายตัวในระดับปานกลางนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย.ปีนี้ เนื่องจากภาคเอกชนยังคงจ้างงานอย่างต่อเนื่องและค่าแรงก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากแรงบวกได้ถูกสกัดลงด้วยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของจีน โดยมาร์กิตและไฉซินระบุว่า  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนปรับตัวลดลงแตะ 49.2 ในเดือนพ.ค. จากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 49.4

ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ของจีนอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากการผลิตชะลอตัวลง ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตของจีนปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้

หุ้นไมเคิล คอร์ส โฮลดิงส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเป๋าชื่อดัง พุ่งขึ้น 6.6% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากยอดขายในเอเชียมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง

หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโฮล ฟู๊ดส์ มาร์เก็ต ทะยานขึ้น 4.9% หลังจากเครดิต สวิส แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นโฮล ฟู๊ดส์ เนื่องจากราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าดึงดูดใจ ขณะที่หุ้นคอสท์โค โฮลเซล พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นคอสท์โค โฮลเซล เช่นกัน

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน โดยหุ้นอาปาเช่ คอร์ป และหุ้นเฮสส์ คอร์ป ปรับตัวลงกว่า 1.6% ขณะที่หุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี และหุ้นมาราธอน เอนเนอร์จี ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.9%

หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง หลังจาก Kelley Blue Book ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายรถยนต์ ระบุว่า ยอดขายรถยนต์สหรัฐในเดือนที่แล้ว อาจดิ่งลง 6% สู่ระดับ 1.53 ล้านคัน ทั้งนี้ หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 3.4% หลังจาก Kelley Blue Book ระบุว่ายอดขายของจีเอ็มลดลง 18% หุ้นฟอร์ดร่วงลง 2.8% หลังจากยอดขายของฟอร์ดปรับตัวลง 6%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค., ดุลการค้าเดือนเม.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ ในวันที่ 21 มิ.ย. โดยการเข้าแถลงนโยบายดังกล่าวของนางเยลเลนจะมีขึ้นหลังจากที่เฟดจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย.

Back to top button