KOOL ปรับเป้ารายได้ปีนี้เป็นโต 50% รับยอดขายทั้งใน-ตปท.

KOOL ปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มเป็น 50% จากเดิม 40% หลังยอดขายพัดลมไอเย็นทั้งในตปท.โตกว่าคาด พร้อมปรับกำไรสูงขึ้นเป็น 10% จ่อขยายช่องทางการตลาด-สต๊อกสินค้าในปี 59-60 คาด 3-5 ปีข้างหน้า สินค้าพัดลมไอเย็นจะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 10%-20%


นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทมาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เปิดเผยว่า บริษัทปรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงผลจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นกว่าประมาณการจึงได้มีการปรับเป้าหมายรายได้ปี 59 ใหม่ จากเดิมคาดการณ์ในช่วงต้นปีจะมีอัตราเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 40% เป็นเพิ่มขึ้น 50% จากรายได้ในปีที่ผ่านมา และปรับประมาณการอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 10% ของรายได้

รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดจำหน่ายพัดลมไอเย็นทั้งภายในและภายนอกประเทศของบริษัทเติบโตกว่าที่เคยประมาณการไว้ โดยผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมีรายได้รวม 228 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน”นายนพชัย กล่าว

โดยการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่วางไว้ เป็นผลมาจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้สินค้าของบริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย และบริษัทมีแผนขยายช่องทางการตลาดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้างโมเดิร์นเทรด เทสโก้-โลตัส ที่มีการวางจำหน่ายสินค้าใน 42 สาขาทั่วประเทศ และการจับมือกับพันธมิตรใหม่ ได้แก่ บริษัทซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เพื่อการกระจายสินค้าและให้ความรู้แก่ผู้บริโภค รวมไปถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายภายในองค์กรที่ดีขึ้น

สำหรับแผนการลงทุนปี 59-60 บริษัทได้วางงบประมาณลงทุนในด้านของการขยายช่องทางการตลาด การสต๊อกสินค้า เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตอยู่ที่ 150 ล้านบาท และงบประมาณอีกส่วนหนึ่งใช้ในการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ที่จะออกสู่ตลาดประมาณ 30 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าภายใน 3-5 ปี สินค้าพัดลมไอเย็นน่าจะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 10%-20% คิดเป็น 3,000-6,000 ล้านบาท ของสินค้ากลุ่มเครื่องทำความเย็นทั้งแอร์และพัดลม ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท ปัจจุบันพัดลมไอเย็นมียอดขายรวมเพียงกว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้น สินค้าพัดลมไอเย็นจะยังมีโอกาสการเติบโตสูงมากอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีจากนี้

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ บริษัทมีแคมเปญส่งเสริมการขาย “เมืองไทยหน้าไหนก็ร้อน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายภายในประเทศในช่วงนี้ และมีแผนขยายตลาดลูกค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจ อีกทั้งจะเน้นการทำตลาดส่งออก เนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดเอเชียตอนบน ได้แก่ เวียดนาม และญี่ปุ่น ส่วนตลาดซีกโลกใต้ กลุ่มประเทศแอฟริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในช่วงฤดูร้อนตรงข้ามกับสภาพอากาศฝั่งเอเชีย ทำให้เริ่มมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาในบริษัทอย่างต่อเนื่องแล้ว ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งรายได้จากตลาดส่งออกมากกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดที่ทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย 45 ประเทศทั่วโลก

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท อินโนว์ กรีน โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่จะเน้นการทำตลาดสินค้านวัตกรรมและดูแลสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มเติบโตได้ดี เสริมรายได้ และลดผลกระทบจากฤดูกาลขายสินค้าพัดลมไอเย็นของบริษัท

X
Back to top button