NCL เทิร์นอะราวด์

NCL สู่ก้าวภาพรวมของความสดใสอย่างต่อเนื่องด้วยธุรกิจครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ผู้บริหารวางไว้ จากการเน้นขยายฐานลูกค้าต่างประเทศไปพร้อมๆ กับรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตมากยิ่งขึ้นในอนาคต


–คุณค่าบริษัท–

 

บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL สู่ก้าวภาพรวมของความสดใสอย่างต่อเนื่องด้วยธุรกิจครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ผู้บริหารวางไว้ จากการเน้นขยายฐานลูกค้าต่างประเทศไปพร้อมๆ กับรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ประกอบกับบริษัทยังเริ่มรับรู้รายได้และกำไรจากบริษัทย่อย คือ บริษัท รีเจนท์ ชิปปิ้ง ไทยแลนด์ และบริษัทร่วม คือ บริษัท เอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์ (SSK) ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2559 ส่งผลให้ NCL เป็นบริษัทโลจิสติกส์ครบวงจรที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สถานการณ์ในปีนี้น่าจะได้เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นของบริษัทฯ จากฐานลูกค้าเก่าและลูกค้ารายใหม่ๆ ที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น พร้อมผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 262.25 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 315.33 ล้านบาท ขณะที่ผลกำไรสุทธิของบริษัทพลิกกลับมามีกำไร 8.38 ล้านบาท หรือ 0.02 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 31.72 ล้านบาท หรือ 0.08 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 516.99 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 554.63 ล้านบาท ขณะที่บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 7.34 ล้านบาท หรือ 0.01 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 40.34 ล้านบาท หรือ 0.10 บาทต่อหุ้น

โดยมีสาเหตุหลักมาจากในปี 58 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจากการเริ่มต้นการให้บริการรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยเป็นการรับบริการจัดการขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ครบวงจร จากท่าเรือระนองประเทศไทยไปยังท่าเรือย่างกุ้งประเทศพม่า ซึ่งในปี 59 ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้ว ส่งผลให้ยอดค่าใช้จ่ายลดลงประมาณ 14.63 ล้านบาท ประกอบกับในปี 58 มีค่าใช้จ่ายขาดทุนจากการตัดจ่ายเงินประกันจากโครงการท่าเรือระนองจำนวน 18.49 ล้านบาท ซึ่งในปี 59 ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้วเช่นกัน

อีกทั้งในปี 59 บริษัทฯ มีกำไรจากการโอนทรัพย์สินไปลงทุนในในบริษัทร่วมค้าจำนวน 5.66 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ก็มียอดกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี 58 ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานกำไรสูทธิในงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน

NCL เป็นอีกตัวที่ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่กำลังมาแรง!!

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายกิตติ พัวถาวรสกุล 143,000,000 หุ้น 34.05%

2.บริษัท ร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด 57,692,100 หุ้น 13.74%

3.น.ส.ปิ่นรัก ประสิทธิศิริกุล 30,550,000 หุ้น 7.27%

4.น.ส.ฟ้าใส พัวถาวรสกุล 30,000,000 หุ้น 7.14%

5.นายวิศิษฎ์ ประสิทธิศิริกุล 8,650,000 หุ้น 2.06%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย กร ทัพพะรังสี ประธานกรรมการบริษัท

2.นาย กร ทัพพะรังสี กรรมการอิสระ

3.นาย กิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

4.นาย กิตติ พัวถาวรสกุล กรรมการ

5.นาย วัญเทนันท์ เตชะมรกต กรรมการ

Back to top button