MEGA มีแต่กองทุนเล่น

ถ้าพูดถึงเรื่องนี้อาจารย์ขอให้นักลงทุนแยกหุ้นออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ หุ้นขนาดใหญ่(มาร์เก็ตแคปเกิน 1 หมื่นล้าน) หุ้นขนาดกลาง(มาร์เก็ตแคปเกิน 5 พันล้านบาท) และหุ้นขนาดเล็ก(มาร์เก็ตแคปน้อยกว่า 5 พันล้านบาท) เพื่อทำให้เห็นภาพการเคลื่อนตัวของหุ้นอิงกับนักลงทุนกลุ่มใดเป็นพิเศษ และทำไมหุ้นแต่ละแบบถึงมีดีไซน์ในการวางตำแหน่งที่แตกต่างกัน


สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

 

คุณประหยัด จาก อ.เมือง สมุทรปราการ พูดถึงการขยับตัวของหุ้น MEGA หรือ บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน)เป็นอะไรที่น่าสนใจมากสำหรับตัวผม แต่เพื่อนผมกลับไม่คิดเช่นนั้น พร้อมกับเล่าปูมหลังของการลงทุนบางอย่างให้ฟัง ซึ่งตัวเขาบอกให้ผมรู้ว่า ก่อนที่จะลงทุนในหุ้นตัว เขาเคยศึกษาบริษัทแนวนี้ เพื่อรอรับปันผล ปรากฏว่า ได้ปันผลน้อยนิด จนต้องขายไปกำไรดี แต่ราคาก็ไม่ไปไหน เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่สนใจ จึงอยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรครับ

 

ถ้าพูดถึงเรื่องนี้อาจารย์ขอให้นักลงทุนแยกหุ้นออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ หุ้นขนาดใหญ่(มาร์เก็ตแคปเกิน 1 หมื่นล้าน) หุ้นขนาดกลาง(มาร์เก็ตแคปเกิน 5 พันล้านบาท) และหุ้นขนาดเล็ก(มาร์เก็ตแคปน้อยกว่า 5 พันล้านบาท) เพื่อทำให้เห็นภาพการเคลื่อนตัวของหุ้นอิงกับนักลงทุนกลุ่มใดเป็นพิเศษ และทำไมหุ้นแต่ละแบบถึงมีดีไซน์ในการวางตำแหน่งที่แตกต่างกัน

ในที่นี้จะขอพูดถึงเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ เพื่อให้สอดรับกับหุ้น MEGA หรือ บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท และเมื่อเจาะลึกลงไปในช่วงที่ขายหุ้น IPO ก็จะเห็นว่า ถูกวางตำแหน่งให้เป็นหุ้นของนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก ส่งผลให้รายชื่อของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มนักลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่นะครับ

โดยอีกหนึ่งตัวแปรที่ชี้ชัดเป็นเช่นนั้น น่าจะมาจากวันที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 มีการกำหนดราคาขาย IPO อยู่ที่ 17.50 บาท  ใช้พาร์ 0.50 บาทโดยที่ปรึกษาทางการเงิน IPO ใช้ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ก็เป็นตัวชี้ชัดว่า หุ้นตัวนี้ไม่เมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อย ไล่เรียงตั้งแต่การกำหนดราคาขายที่สูงเกินไปสำหรับรายย่อย บวกกับที่ปรึกษาทางการเงินก็ถนัดแต่ทำดีลใหญ่ๆ

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้น MEGA กระชากขึ้นแรงโดยไม่มีการบอกให้รู้ล่วงหน้า เพราะธรรมชาติของนักลงทุนสถาบันมักเข้าซื้อหุ้นอย่างหนักหน่วงในเวลาสั้นๆ และมักจะขายหุ้นทิ้งอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของหุ้นไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร

ประเด็นดังกล่าวดูได้จากงบการเงินด้านล่าง เทียบกับกราฟความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น มันไม่เป็นไปในทางเดียวกับการคำนวณสูตร P/E 30 เท่า และกลุ่มผู้บริหารก็ไม่ได้ให้ความสนใจของเรื่องข่าวสารมากนัก ทำให้นักลงทุนรายย่อยหันไปลงทุนในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่มีราคาถูกกว่า แต่มีอัพไซด์ที่สูงกว่าเป็นการทดแทนครับ

 

  ปี 56 ปี 57 ปี 58 งวด 6 เดือนปี 59
รายได้รวม 7,095.50 7,767.91 8,096.73 4,055.14
กำไรสุทธิ 624.02 547.88 695.75 332.05
กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.84 0.63 0.80 0.38

(หน่วย : ล้านบาท)

 

วันนี้หากสรุปด้วยตนเองได้ว่า MEGA ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ก็อย่าไปเสียเวลาวิเคราะห์ และเอาเวลาที่มีอยู่ไปมองหุ้นเป้าหมายดีกว่า!

 

MEGA20161028

กราฟประกอบข่าว Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 28 ต.ค.59

Back to top button