IFEC ละครน้ำเน่าได้อายแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ทันทีที่มีข่าวว่า นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือไอเฟค (IFEC) ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกะทันหัน ด้วยสาเหตุอ้อมๆ แอ้มๆ...แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ….วงแตก


ทันทีที่มีข่าวว่า นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือไอเฟค (IFEC) ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกะทันหัน ด้วยสาเหตุอ้อมๆ แอ้มๆ…แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ….วงแตก

การลาออกของนายสิทธิชัย หลังจากปฏิบัติการ “ขายหุ้นทิ้งแข่งกัน” ระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายคือ นพ.วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ IFEC และนายสิทธิชัย จนเหลือถือหุ้นรายละต่ำกว่า 5% ถือว่า เป็นการปิดฉาก “สงครามบอร์ดรูม” ที่ดำเนินมาหลายเดือนลงไป

เพียงแต่ มิได้หมายความว่า สงครามในแนวรบอื่น จะเงียบสงบลงไปด้วย

โดยเฉพาะสงครามภาพลักษณ์ …ปฏิบัติการ “โยนบาปให้แพะ” จึงเลี่ยงไม่พ้น…โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นผู้แพ้

ผู้ที่ยังอยู่ และดูเหมือนจะมีบทบาท “ไล่ล่า” อย่างเอาจริงเอาจัง หนีไม่พ้น นพ.วิชัย…ที่ยามนี้ ละทิ้งอาชีพหมอชั่วคราว หันมาเป็น “เชอร์ล็อก โฮล์ม” เต็มที่ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

เริ่มต้นตั้งแต่การว่าจ้าง “มืออาชีพ” ก่อกระแสข่าวลือว่า แม้นายสิทธิชัย จะออกไปแล้ว แต่ปัญหาที่ทิ้งท้ายเอาไว้ ยังเหลือค้างอยู่ 2 เรื่องใหญ่คือ

1) ความไม่ชอบมาพาพากลในการซื้อโรงแรมดาราเทวี ที่เชียงใหม่

2) การแย่งอำนาจจัดการในบริษัทย่อย ของ IFEC ที่นายสิทธิชัยยังนั่งเป็น “ไอ้เข้ขวางคลอง” ต่อไป

เรื่องแรก มีข้อมูลขยายความว่า ในช่วงการเข้าซื้อกิจการโรงแรมดาราเทวีมูลค่า 3,500 ล้านบาท (รวมภาระหนี้สินของโรงแรม) ซึ่งไม่ได้อยู่ในไลน์ธุรกิจของ IFEC มาก่อน ท่ามกลางข่าวลือว่ากลุ่มทุนเจ้าของโรงแรมเดิมเป็นกลุ่มทุนจากยูนนาน ที่หน่วยงานรัฐไทยจับตาเป็นพิเศษ แม้จะได้รับเงื่อนไขราคาที่เจรจาคุ้มค่า แถมยังทำให้ IFEC มีกำไรพิเศษอีกมากกว่าปกติ ….แต่ผ่านมา 1 ปีของการเทกโอเวอร์กิจการ กลับไม่มีใครสามารถเข้าไปตรวจสอบการบริหารภายในได้ เพราะเอกสารทุกอย่างอยู่ในมือนายสิทธิชัย ซึ่งตอนนี้เป็นอดีตซีอีโอไอไปแล้ว

มิหนำ…ดีลการซื้อกิจการโรงแรมดาราเทวี ยังพ่วงธุรกิจสปาภายใต้แบรนด์ (brand) ดาราเทวี และขนม “มาการอง” ทีมีอยู่ 3 สาขา (เชียงใหม่ สยามพารากอน และใต้ตึกเดอะไนน์ ทาวเวอร์) 

บริษัทหลังนี้  IFEC กลับต้องซื้อมาการอง ซึ่งผลิตจากครัวของโรงแรมดาราเทวีมาขายทางอ้อม ผ่าน บริษัทไลท์ คอร์ปอเรท จำกัด  ไม่ได้ทำเองทุกสาขา ถูกชาร์จกินส่วนต่างกำไร ไปถึง 20% ซึ่งเมื่อตรวจสอบลึกลงไปก็พบว่า บริษัทดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงและมีสายสัมพันธ์กับอดีตซีอีโอโดยตรง ซึ่งนพ.วิชัยได้สั่งให้มีการตรวจสอบรายละเอียดดีลซื้อขายที่แปลกประหลาดที่ว่า เพราะน่าจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

จะถูกต้องได้อย่างไร เพราะว่า หากซื้อโดยตรงจากครัวของโรงแรมดาราเทวี ก็ไม่ต้องเสียค่าหัวคิว 20%

เรื่องหลัง นพ.วิชัย อ้างว่าได้พบปัญหาใหม่ว่า แม้นายสิทธิชัยจะลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท แต่ยังคงนั่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทลูกอีกเกือบ 50 บริษัท โดยที่ฝ่ายบริหาร IFEC ไม่สามารถจะล้วงลูกเข้าไปตรวจสอบการดำเนินธุรกรรมใดๆ ได้

ผลลัพธ์ของความลักลั่น ที่มีบริษัทห้อยเป็นพวงแบบแม่ลูกดก คือ “แม่สั่งลูกไม่ได้” ทำให้กิจการของบริษัทลูก IFEC ปั่นป่วน

เรื่องอย่างนี้ ปนเปกับข้อเท็จจริงเดิมที่ว่า นายสิทธิชัย ได้ขายหุ้นของตัวเองออกไปให้กลุ่มทุน ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ได้แก่ นายทวิช เตชะนาวากุล  และนายเทพฤทธิ์ เตชะนาวากุล ที่มีหุ้น IFEC รวมกันเกินกว่าสัดส่วน 10.21% ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งเหนือ นพ.วิชัยด้วยอีก

ข่าวจาก “มืออาชีพ” ดังกล่าว ไม่กลายเป็นแค่ “กระแสข่าวลือ” อีกต่อไป…เพราะล่าสุด ได้รับการตอกย้ำจาก นพ.วิชัยเองเมื่อวานนี้ ที่ออกโรงมายืนยันข้อมูลดังกล่าว และบอกว่าตนเองในฐานะประธานกรรมการบริษัท ได้พยายามหาทางเจรจากับ นายสิทธิชัย อย่างเต็มที่ เพื่อให้รับผิดชอบ

แถมยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า “ผมยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบการบริหารของผู้บริหารบางคนในบริษัทที่อาจส่อทำให้บริษัทเสียหายโดยจงใจอีกด้วย”…ไม่ยอมเอ่ยชื่อผู้บริหารคนดังกล่าว ด้วยเหตุผลทางข้อกฎหมาย …

ข้อมูล “สาดโคลน” ไปที่นายสิทธิชัย จาก “มืออาชีพ” และตัว นพ.วิชัย โดยตรง เป็นข้อมูลฝ่ายเดียว ในขณะที่ข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือ  ตัวนพ.วิชัยเองก็มีตัวเลขเข้าซื้อหุ้น 77.55 ล้านหุ้น มูลค่า 540.93 ล้านบาท และขายหุ้น 120.26 ล้านหุ้น มูลค่า 664.10 ล้านบาท เท่ากับขายหุ้นสุทธิ 42.71 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 123.18 ล้านบาท มีลักษณะการเข้ามาซื้อและขายหุ้นทั้ง “ซื้อเช้าขายบ่าย” หรือ “ซื้อบ่ายขายเช้า” สลับกันมาโดยตลอด

ล่าสุด นพ.วิชัยเองถือหุ้นต่ำกว่า 5% จึงไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่อีกต่อไป….จะบ่นว่าคนอื่นไปทำไม…ก็ไม่ทราบ เพราะยังไงก็หนีไม่พ้น “ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง

ที่สำคัญ ถ้า IFEC มีความไม่ชอบมาพากล ทำไมผู้สอบบัญชีของบริษัท ถึงได้รับรองงบการเงิน โดยไม่มีหมายเหตุประกอบงบการเงินที่เกิดอาการ “สะดุดตา” กันได้อย่างไร…บริษัทมหาชนนะจ๊ะ ไม่ใช่ลานนวดข้าว

ตอนนี้ ยังไม่มีใครได้ข้อมูลอีกฟากหนึ่ง จากนายสิทธิชัยที่ยังกบดานเงียบ ไม่รับสาย และเปลี่ยนเบอร์โทรมือถือกะทันหัน..เรื่องจึงยังไม่สมบูรณ์

ตำนานของ IFEC ยุคที่สอง ที่ปั้นแต่งมาเป็นหุ้นพลังงานทางเลือกที่เป็นธุรกิจดาวรุ่ง ผ่านการซื้อกิจการเก่าของกลุ่มสหพัฒน์ในยุคแรก มาทำใหม่ จนเป็นหุ้นที่สุดหวือหวาเมื่อ 2 ปีก่อน…ทำท่าจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม ทำนองเดียวกับละครน้ำเน่าทางโทรทัศน์…ที่ลากลู่ถูกังให้คนดูสะอิดสะเอียน

ที่แน่นอน คงจะไม่สวยงามเหมือนละคร …บ้านทรายทอง…ดาวพระศุกร์…ทายาทอสูร

“อิ อิ อิ”

 

Back to top button