SAWAD ยุทธศาสตร์โตกระจาย แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

คำประกาศของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น หรือ เทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นทั้งหมดของ บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาธร จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT เมื่อวานนี้ (วันที่ 29 ธันวาคม 2559) พร้อมกับ ขอเรียกประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญเพื่อปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่เป็นบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูป ไม่ถือว่าเป็นวิศวกรรมการเงิน แต่เป็นการตั้งยุทธศาสตร์แห่งอนาคตที่มุ่งสร้างอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งจากเงินสดของบริษัท และจากเงินในกระเป๋าส่วนตัวของผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่เป็นผู้ก่อตั้งกิจการ ตระกูลแก้วบุตตา อย่างมีนัยสำคัญ


คำประกาศของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น หรือ เทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นทั้งหมดของ บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาธร จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT เมื่อวานนี้ (วันที่ 29 ธันวาคม 2559) พร้อมกับ ขอเรียกประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญเพื่อปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่เป็นบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูป ไม่ถือว่าเป็นวิศวกรรมการเงิน แต่เป็นการตั้งยุทธศาสตร์แห่งอนาคตที่มุ่งสร้างอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งจากเงินสดของบริษัท และจากเงินในกระเป๋าส่วนตัวของผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่เป็นผู้ก่อตั้งกิจการ ตระกูลแก้วบุตตา อย่างมีนัยสำคัญ

เข้าตำรา…มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้

รายละเอียดของคำประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้คือ

1)SAWAD จะเข้าทำ เทนเดอร์ออฟเฟอร์ หุ้น BFIT ทั้งหมด ในราคา 11.24 บาท หลังจากที่เงื่อนไขประกอบบรรลุผลแล้ว คือ การซื้อขายหุ้น 53.011 ล้านหุ้น หรือ 26.51% จากนางสาว นริศรา กิจพิพิธ (ซึ่งไม่มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในทะเบียนของ BFIT มาก่อน แต่น่าจะเป็นตัวแทนของกลุ่มนายศิริทัศน์ โรจนพฤกษ์)  ที่ราคาหุ้นละ 10.50 บาท (รวมมูลค่า 556.62 ล้านบาท) สำเร็จแล้วเท่านั้น เพื่อให้ SAWAD มีสัดส่วนหุ้นเพิ่มจากที่เคยซื้อมาไว้เดิมเมื่อเดือนมิถุนายน 2559  จำนวน 19.68 ล้านหุ้น หรือ 9.84% ของทุนชำระแล้ว (ที่ราคาหุ้นละ 8.00 บาทซึ่งต่ำกว่าบุ๊คแวลู ทั้งที่มีอัตรากำไรสุทธิในระดับ 35%) จากผู้ถือหุ้นเดิมกลุ่มนายศิริทัศน์ มาแล้ว ซึ่งจะทำให้สัดส่วนของ SAWAD ใน BFIT อยู่ที่ 34.72% เข้าเงื่อนไขต้องทำเทนเดอร์ตามกติกา โดยที่คิดเป็นจำนวนเงินที่ใช้ในการทำคำเสนอซื้อไม่เกิน 1,453.87 ล้านบาท  และได้รับอนุญาตจากทางธนาคารแห่งประเทศไทยที่ทำหน้าที่กำกับดูแลบริษัทเงินทุน แล้ว

2)SAWAD ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาการเงินอิสระ บริษัท เจ ดี พาร์ทเนอร์ จำกัด ให้ทำความเห็นต่อผู้ถือหุ้นในการเข้าซื้อ BFIT

3)SAWAD จะขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นในการปรับโครงสร้างกิจการครั้งใหญ่ ทำให้เป็นบริษัทโฮลดิ้ง ที่ไม่มีการประกอบกิจการของตนเอง (non-operating holding company) โดยจะมีบริษัทใต้ร่มธงหลักของโฮลดิ้ง 3 ราย คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ 2014 จำกัด รับโอนสินทรัพย์ไมโครไฟแนนซ์ทั้งหมดจาก SAWAD ไปดำเนินการ (ไม่มีการโอนพอร์ตสินเชื่อระหว่างกัน) BFIT ขยายบริการสินเชื่อแบบมีหลักประกันในประเภทที่ไม่ทับซ้อนกัน และสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน (personal loan) โดยผ่านเครือข่ายของ ศรีสวัสดิ์ 2014 และสุดท้าย บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน และนาโนไฟแนนซ์

ยุคใหม่ของ SAWAD ตามแผนนี้ จะมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท ศรีสวัสดิ์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ Srisawad Group Holding Plc. แต่ยังคงจะใช้ชื่อรหัสย่อ SAWAD ในการซื้อขายในตลาดหุ้นต่อไปตามเดิม

ย่างก้าวบนเส้นทางใหม่นี้ ได้รับการขานรับเชิงบวกทันที นักวิเคราะห์เกือบทุกสำนัก พากันปรับมุมมองให้ต่อหุ้น SAWAD กันจ้าละหวั่น..ในเชิงบวกทั้งสิ้น ..ด้วยเหตุผลสารพัดที่นึกออก….อาทิ

-เพิ่มความหลากหลายของประเภทสินเชื่อได้ โดยเฉพาะสินเชื่อ SME และสินเชื่อส่วนบุคคล

-จะมีต้นทุนการเงินที่ต่ำลงและมีแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้นจากฐานเงินฝาก 3.2 พันล้านบาทของ BFIT ซึ่งต้นทุนเงินทุนอยู่ที่ราว 2.2% ต่ำกว่าต้นทุนของ SAWAD ที่ 3.4%  เนื่องจาก BFIT สามารถรับเป็นเงินฝากได้

-ลดความเสี่ยงทางการเงินของ SAWAD เนื่องจาก BFIT อยู่ใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่าเมื่อดีลจบจะเพิ่มกำไรให้ SAWAD ได้ประมาณ 5% และ จะเพิ่มอัพไซด์ต่อราคาเป้าปัจจุบันราว 3 บาท 

มุมมองเชิงบวกดังกล่าว ทำให้นักวิเคราะห์บางสำนัก ประเมินราคาเป้าหมาย SAWAD  เสียใหม่ชนิดเสียดฟ้ากันไปเลย…ถึง 50.00 บาท มากกว่าราคาปิดล่าสุด 20% เลยทีเดียว

จินตนาการอันบรรเจิดกะทันหัน ในลักษณะ “ปฏิกิริยาเข่ากระตุก” ของนักวิเคราะห์เมื่อมีข่าวทำนองนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก…แต่จะแปลก ถ้าหากไม่มีรายการเชียร์แขก ทำนองนี้

แล้วก็ไม่แปลกอะไรที่ราคาหุ้น SAWAD จะบวกขึ้นไปที่ระดับ 40.50 บาท บวกไป 3.18% แต่…ที่แปลกสุดชนิดเหลือเชื่อคือ การที่มีคนไล่ราคาหุ้น BFIT ขึ้นไปที่ระดับเหนือ 13.00 บาท ก่อนที่จะมาปิดที่ 12.50 บาท..ทั้งที่รู้อยู่ว่าเขาจะรับซื้อกันที่ราคา 11.42 บาท

งานนี้ ถึงเวลาเทนเดอร์จริง หากไม่มีคนขายหุ้นให้  ทางด้าน SAWAD ก็ยิ้ม เพราะที่คาดว่าจะใช้เงินเพิ่มอีกอีก 1,453.87 ล้านบาท เพิ่มจากที่ซื้อหุ้นจากกลุ่มนายศิริทัศน์ 556.62 ล้านบาท…ก็คงไม่ต้องใช้แล้ว แถมยังมีข้ออ้างให้ BFIT ไม่ต้องถอนออกจากตลาดอีก…สบายไป

งานนี้ เรียบร้อยโรงเรียนแก้วบุตตา...อีกตามเคย

“อิ อิ อิ”

Back to top button