หุ้นเดือนม.ค.ลูบคมตลาดทุน

มีคำถามว่าปีนี้จะเกิดปรากฏการณ์ January effect หรือไม่


ธนะชัย ณ นคร

 

มีคำถามว่าปีนี้จะเกิดปรากฏการณ์ January effect หรือไม่

วานนี้ผมไปหาคำตอบมาจากบรรดากูรูทั้งหลาย

หลายคนบอกคล้ายๆ กันว่า “ไม่น่าจะมี”

พร้อมกับคำแนะนำว่า ให้ใช้ความระมัดระวังในการเข้าลงทุนในช่วงเดือนมกราคมนี้

January effect หรือการที่มองกันว่า หุ้นจะปรับขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปี  หลังจากมีการขายหุ้นในช่วงเดือนก่อนหน้า คือธันวาคม

เราย้อนกลับไปดูดัชนีในเดือน ธ.ค.59 กัน

ณ วันที่ 30 พ.ย.59 ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่  1,510.24 จุด

ส่วน ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 หรือผ่านมาครบ 1 เดือน ดัชนีปรับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,542.94 จุด หรือขึ้นมา 32.7 จุด

หรือคิดเป็นบวก 2.16%

และหากดูข้อมูลการซื้อขาย ก็จะพบว่า มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (น่าจะเป็นกองทุน) เข้ามาอย่างมากในช่วงปลายอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ธ.ค.

นัยสำคัญว่าเป็นการทำวินโดว์เดรสซิ่ง

และยังมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในช่วงปลายอาทิตย์เช่นกัน ทำให้ในเดือน ธ.ค.59 ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 452 ล้านบาท (ทั้งปี 2559 ซื้อสุทธิ 7.79 หมื่นล้านบาท)

และกองทุนซื้อสุทธิ 10,973 ล้านบาท (ทั้งปี 2559 ขายสุทธิ 8.66 พันล้านบาท)

ขณะที่วานนี้ (4 ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดพุ่ง 20.64 จุด มาอยู่ที่ 1,563.58 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก 6.52 หมื่นล้านบาท

จะว่าไปแล้วไม่มีใครสามารถรู้ได้หรอกว่าหุ้นจะขึ้น หรือลง

เพียงแต่ว่าอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในมือมาวิเคราะห์ และมองว่า สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร

อย่างในเดือนมกราคมนี้ จากสถิติมีทั้งการเกิด January effect และไม่เกิดสลับกันไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและโลกในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร

อย่างในปีนี้ หรือเดือน ม.ค.นี้ มีปัจจัยลบหลายเรื่อง

ปัจจัยที่พาบรรดากูรูมองเหมือนกันคือ นายโดนัล ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.นี้

นโยบายด้านเศรษฐกิจของทรัมป์ เหมือนจะไม่ส่งผลดีต่อประเทศเกิดใหม่สักเท่าไหร่

ค่าเงินดอลลาร์อาจจะแข็งค่าขึ้น

และมีเงินวิ่งไหลกลับเข้าไปยังสหรัฐฯ นักลงทุนต่างชาติ อาจสบช่องเทขายช่วงที่ (ลาก) หุ้นขึ้นมา แล้วรายย่อยกระโจนเข้าไป

อาจมีการขายพันธบัตร เพื่อทำกำไรกันออกมาด้วย

กองทุน LTF อาจจะมีการขายออกมาในช่วงสัปดาห์หน้ากว่า 1 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าที่ครบรอบ 5 ปีกว่า 5.20 หมื่นล้านบาท

หากเกิดขึ้นพร้อมกับต่างชาติขายทำกำไรออกมา

ตลาดหุ้นไทย ดัชนีคงจะรูดพอสมควร

หุ้นที่มีส่วนดันดัชนีขึ้นมาในช่วงปลายอาทิตย์สุดท้ายของปี 59 และวันแรกของปี 60

นั้นก็คือกลุ่มพลังงาน เช่น PTT–PTTEP และยังมีหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นำโดย 4 แบงก์ใหญ่ ทั้ง KBANK-SCB-KTB และ BBL

กลุ่มปิโตรเคมี เช่น PTTGC และ IVL ก็กระโดดขึ้นมาเช่นกัน

ส่วนหุ้นมือถือ ADVANC และ INTUCH ก็ถูกดันด้วย

ทว่า ก็มีนักวิเคราะห์บางคน มองโลกในแง่ดี จากเศรษฐกิจภายในประเทศไทย ที่ยังคงดูดี การส่งออกขยายตัว และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐยังเดินหน้าต่อไป

ปัจจัยเหล่านี้ อาจจะพอช่วยพยุงหุ้นไทยได้ หากปัจจัยโลกไม่เอื้อ

ภาวะตลาดแบบนี้

การเล่นหุ้นแบบกองโจร

น่าจะเหมาะสมที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                

Back to top button