เคาะให้ทัน!โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นอะไรที่ทำให้ “โมนิก้า” ลุกไปทำธุระส่วนตัวนานๆ ไม่ได้เลย หลังนักเล่นจากทั่วสารทิศทำการเคาะหุ้น (ทั้งซื้อ ทั้งขาย) มากหน้าหลายตาในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงต้องนั่งเฝ้าหน้ากระดานจนจบการซื้อขายในแต่ละช่วง ซึ่งเป็นบรรยากาศการลงทุนที่สุดแสนจะชื่นมื่นในความคิดของเดี๊ยน เพราะสะท้อนถึงนักเล่นยังมีอารมณ์ร่วมไงล่ะค่ะ


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นอะไรที่ทำให้ “โมนิก้า” ลุกไปทำธุระส่วนตัวนานๆ ไม่ได้เลย หลังนักเล่นจากทั่วสารทิศทำการเคาะหุ้น (ทั้งซื้อ ทั้งขาย) มากหน้าหลายตาในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงต้องนั่งเฝ้าหน้ากระดานจนจบการซื้อขายในแต่ละช่วง ซึ่งเป็นบรรยากาศการลงทุนที่สุดแสนจะชื่นมื่นในความคิดของเดี๊ยน เพราะสะท้อนถึงนักเล่นยังมีอารมณ์ร่วมไงล่ะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้แฟนคลับเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมายบนเฟซบุ๊คของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” น้องโมจึงขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำที่โพสต์ทิ้งไว้ เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีความสนใจในหุ้นที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นความงดงามของตลาดหุ้นในช่วงกำลังถีบตัวขึ้นอีกครั้ง วันนี้เลยขอเม้าท์ถึงหุ้นที่ใครหลายคนใคร่อยากรู้มากเป็นพิเศษนะคะ

*ก่อนจะเข้าสู่บรรยากาศของหุ้นรายตัว “โมนิก้า” ต้องเม้าท์ถึงการแกว่งตัวไปมาก่อนจะมาปิดที่ 1,572.93 จุด บวกไป 0.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.54 หมื่นล้านบาท มันเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนมองว่า ดัชนีจะขึ้นไปถึง 1,600 จุดในไม่ช้า แม้ในระหว่างทางจะมีการพักฐานเป็นระยะ แต่การเคลื่อนตัวยังเป็นลักษณะ side way up ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเล่นโหนกระแสหุ้นได้อีกหลายตัวนะจะบอกให้

*เรื่องนี้ดูได้จากรูปแบบการขยับตัวของหุ้นดีแตก DTAC ทั้งที่ทุกคนรู้ดีว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ยังมีการดันราคากันสุดลิ่ม “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการตีกินที่ทำกันมาหลายรอบ ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่พิเศษกว่าที่ผ่านมา และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 42.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.78 พันล้านบาท มันอาจเป็นผลมาจากการเทรดวันนี้อยู่บนค่า P/E 31 เท่า หากกำไรไตรมาส 4 ออกดี..กระฉูดต่อแน่ๆ เจ้าค่ะ

*เหมือนกับการทะยานขึ้นของพ่อดอกมะลิ JAS ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 8.20 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 860 ล้านบาท เอาเข้าจริงก็เป็นการถีบตัวขึ้นแรงวันแรก หลังจากพักฐานที่บริเวณ 7.80 บาทเป็นเวลาร่วม 3 สัปดาห์ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า หุ้นน่าจะขยับตัวขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ เพราะสตอรี่เกี่ยวกับวิศวกรรมการเงินยังมีออกมาไม่ขาดสายนะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ UV กระชากขึ้นมาปิดที่ 7.85 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 19.85% ด้วยมูลค่า 1.06 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่เวียนมาบรรจบพอดี บวกกับมีแรงหนุนเข้ามาแบบสุดตัว หุ้นถึงวิ่งระเบิดเถิดเทิงในรอบ 1 ปี ส่วนจะไปต่อหรือไม่? อันนี้ต้องติดตามดูกันต่อไป เพราะหุ้นเคยวิ่งขึ้นแรงๆ ต่อจากนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไปดื้อๆ แต่รอบนี้อาจไม่เป็นเหมือนกับก่อนหน้านี้ หลังหุ้นเทรดบนค่า P/E 13 เท่าเองจ้า

*อีกหนึ่งตัวที่มาพร้อมกัน “โมนิก้า” ขอสอดสายตาไปดู GOLD เป็นรายถัดมา และเที่ยวนี้ไม่ต้องถามหาเหตุผล! เพราะมันไม่มีเหตุผลที่ดีรองรับ ยกเว้นคำอธิบายที่ว่า ตัวแรกวิ่งแรง..ตัวหลังเลยวิ่งตาม วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนที่ 7.55 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 11.85% ด้วยมูลค่า 328 ล้านบาท พร้อมกับมีคำอธิบายว่า ถ้าคิดจะเล่นกับของร้อน ต้องเผื่อใจมือไม้พองไว้ด้วยนะคะ

*ส่วนในรายของ PLANB น่าจะเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดสำหรับคนที่ชอบเคาะรัวๆ แม้ภาพใหญ่ของหุ้นจะเป็นลักษณะ side way down แต่ทุกครั้งที่เด้งกลับขึ้นแรงทีไร มักเปิดช่องให้เข้ามาเคาะกันสนุกมือเป็นประจำ ล่าสุดเห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 6.10 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 320 ล้านบาท โดยยอดเก่าอยู่ที่ระดับ 6.40 บาท มันตีความได้ว่า หากหุ้นทะลุยอดนี้ขึ้นไปได้ โพสิชั่นของหุ้นจะเปลี่ยนไปเป็น side way up ในทันทีนะจ๊ะ

*ตัวอย่างที่เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีสุดในเที่ยวนี้คือ ANAN อุตส่าห์ทะยานขึ้นไปถึง 5.65 บาทตั้งแต่ไก่โห่ สุดท้ายทำได้แค่เพียงประคองตัวปิดที่ 5.30 บาท บวกไปแค่ 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 500 ล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า สถานการณ์ของหุ้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ การเล่นตามสั้นๆ น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการลงทุนในเที่ยวนี้เจ้าค่ะ

*เหมือนกับการไล่ราคาหุ้นSRICHA น้องโมถือเป็นช็อตที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะเป็นจังหวะที่ทุกอย่างเอื้อให้แบบสุดๆ จากที่เคยย่ำฐานเป็นเวลาหลายเดือนอยู่แถว 14 บาท ล่าสุดใช้เวลาแค่ 1 เดือนขึ้นมายืนที่ 24.90 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท แถมเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 70 เท่า อาจดูสูงเกินไปก็จริง แต่เงื่อนไขที่ทำให้หุ้นขึ้นแรงแบบสุดๆ มันมาจากความเชื่อที่ว่า กำไรไตรมาส 4 จะออกมาดี..หากไม่ดีจริง ก็ตัวใครตัวมันค่ะ

*ส่วนที่ไม่ดีอย่างแน่นอนในคราวนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของ IFEC ที่ทำการเบี้ยวหนี้ตั๋วบีอี 200 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีน ซึ่งมันส่อให้เห็นว่า บริษัทมีปัญหาทางด้านการเงินค่อนข้างชัดเจน แถมได้ยินข่าวว่า เที่ยวนี้มีการฟ้องกันไปมามั่วซั่วไปหมด เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า คนที่เจ็บหนักกรณีนี้กลายเป็น “แมงเม่า” หลังราคาหุ้นรูดลงมาปิดที่ 3.10 บาท ลบไป 0.42 บาท หรือลงไป 12%  ด้วยมูลค่า 330 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะลงไปอีกแบบนี้..ตายหยังเขียดแน่ๆ เจ้าค่ะ

*สำหรับตัวตุ๊กตาอีกหนึ่งตัวอย่าง บลจ.โซลาริส มันเป็นอะไรที่น่าสงสารจริงไหม? น้องโมตอบได้เลยว่า ไม่น่าสงสารเลยพับผ่าซิ! เพราะเรื่องนี้มันกลิ่นไม่ดีมาตั้งแต่ต้น บวกกับผู้คนในแวดวงที่เกี่ยวข้องกับการขายตั๋วบีอีรู้ดีว่า ดีลดังกล่าวค่อนข้างเสี่ยง แต่พวกคุณยังดันทุรังทำกันต่อไปหน้าตาเฉย พอเกิดเรื่องขึ้นมา..ร้องโอดโอยหาพระแสงอะไรมิทราบ อย่าลืมว่ายังมีตั๋วบีอีที่เป็นปัญหากับ KC อีกก้อนหนึ่งด้วยจ้า

Back to top button