ดัชนี 1,600 จุดลูบคมตลาดทุน

วันพฤหัสฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนีพุ่งขึ้นมาแตะ 1,600 จุด แต่ยืนไม่ได้


ธนะชัย ณ นคร

 

วันพฤหัสฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนีพุ่งขึ้นมาแตะ 1,600 จุด แต่ยืนไม่ได้

ทำให้ปิดตลาดที่ 1,591 จุด

นักวิเคราะห์หลายคนมองระดับดัชนี 1,600 จุด เป็นแนวต้านทางด้านจิตวิทยา

และดูเหมือนว่า แนวต้านด้านจิตวิทยาที่ว่านี้ จะผ่านยากกว่าแนวต้านทางเทคนิคเสียอีก

นับจากต้นปี 60 มาถึงวานนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมาแล้ว 3.11%

หุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ทั้งธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มพลังงานต่างช่วยกันดันขึ้นมา

ทว่า ตอนนี้ แบงก์หมดสตอรี่แล้ว แถมยังไปเจอหนี้เอ็นพีแอลของแบงก์ขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอีก ทำให้กรอบการปรับขึ้นเหลือค่อนข้างจำกัด

นักวิเคราะห์บางคนแนะให้ขายหุ้นธนาคารออกมา

และให้หันไปเล่นในกลุ่มปิโตรเคมี เช่น PTTGC และ IRPC ที่ราคากำลังดีวันดีคืน

และธุรกิจปิโตรเคมีก็ยังเป็นขาขึ้นได้อีก 2-3 ปีข้างหน้า

หุ้น PTTGC คาดว่า จะแจ้งผลประกอบการในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี

มีความรักมาให้ มีกำไรมาฝาก…..

ส่วนราคาหุ้นเริ่มขยับอย่างมีนัยสำคัญมาตั้งแต่ช่วงวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา จากระดับ63.50 บาท มาปิดวานนี้อยู่ที่ 68.50 บาท

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ครับ

เป้าหมายราคา 73 บาทต่อหุ้น

ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ตัวอื่นๆ ก็น่าจะประกาศผลประกอบการในอาทิตย์หน้า เช่น ADVANC และ INTUCH

ขณะที่ DTAC ก็แจ้งผลประกอบการไปแล้วเมื่อวานนี้ กำไรลงมาเหลือ 2.0 พันล้านบาท ในปี 2559 จากที่เคยได้ 5.89 พันล้านบาทในปี 2558

ก็ถือว่าหายไปเยอะ

หุ้นอีกตัวที่น่าสนใจและแจ้งผลประกอบการเมื่อวานนี้คือ GLOW หรือ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)

ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 8.95 พันล้านบาท

เพิ่มจากปี 2558 เล็กน้อยครับที่มีกำไรสุทธิ 8.35 พันล้านบาท

ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ที่หลายคนเฝ้ารออีกตัวคือ PTT

แต่ผ่านมาถึงตอนนี้ราคาหุ้น PTT ปรับขึ้นมาเยอะพอสมควร หรือจากระดับ 370 บาท มาอยู่ที่ 418 บาท ตามทิศทางของราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่องจากปลายปี 2559

นักวิเคราะห์บางคนบอกว่า ดัชนีน่าจะผ่าน 1,600 จุด ลำบาก

เพราะหุ้นตัวเป้ง ราคาขึ้นมาเยอะแล้ว

ที่เหลือก็เป็นหุ้นไซส์กลางๆ ก็ไม่น่าจะช่วยดันดัชนีได้มากนัก

ส่วนสัปดาห์นี้มีการประชุมของเฟดด้วยในวันที่ 31 ม.ค. และ 1 ก.พ. เพื่อพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

แต่บรรดานักวิเคราะห์ทั้งวอลล์สตรีท และของไทย ต่างฟันธงออกมาแล้ว

ไม่ปรับหรอก

และน่าจะคงไว้ที่ระดับ 1.50-0.75% ไว้อย่างนั้น อีกสักพัก หรือประมาณช่วงของกลางปีนี้

ส่วนการประชุมของธนาคารกลางประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 30–31 ม.ค.นี้

ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน

นี่ยังไม่รวมสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นย่านเอเชียหลายแห่งปิดทำการ เนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีนอีก

มูลค่าการซื้อขายจึงค่อนข้างเบาบาง หรือบางเฉียบเลยล่ะ

คงต้องรออาทิตย์หน้าโน่นเลย กว่าฟันด์โฟลว์จะเริ่มกลับเข้ามา และก็ตรงกับช่วงเวลาที่ บจ.หลายๆ แห่ง หรือส่วนใหญ่ จะแจ้งผลประกอบการ

แล้วค่อยมาลุ้นกันอีกครั้งว่าจะผ่าน 1,600 จุดได้หรือไม่

Back to top button