มั่นใจในกัปตัน?ขี่พายุ ทะลุฟ้า

สัญญาณทางเศรษฐกิจเลวร้ายลงไปอีก เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมีนาคม ติดลบไปอีก 0.5% เป็นเดือนที่สามติดต่อกันแล้ว


สัญญาณทางเศรษฐกิจเลวร้ายลงไปอีก เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมีนาคม ติดลบไปอีก 0.5% เป็นเดือนที่สามติดต่อกันแล้ว

ไม่ว่าหน่วยงานทางการจะปฏิเสธอย่างไร ก็คงต้องยอมรับสภาพกันแล้วว่า นี่คือภาวะเงินฝืด ที่การจับจ่ายใช้สอยฝืดเคืองลงไปเป็นอันมาก

เป็น ”Deflation” ที่สุ่มเสี่ยงอย่างมากจะเดินหน้าเข้าสู่หลุมดำทางเศรษฐกิจใหญ่ สู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือที่เรียกว่า ”Recession”

วงจรเศรษฐกิจตกต่ำ บางช่วงก็นานมาก อย่างช่วงตอนพล.อ.เปรมเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงที่เศรษฐกิจมีความยากลำบากมากตลอดช่วง 8 ปีเศษ มาฟื้นตัวอีกที ตอนยุคพล.อ.ชาติชาย เข้ามารับตำแหน่ง

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ออกมายืนยันถึงความเป็นจริงทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ดัชนีความเชื่อมันผู้บริโภคเดือนมีนาคมศกนี้ อยู่ที่ 77.7 ดัชนีลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้ระบุปัจจัยลบมาจาก ธปท.ปรับลดคาดการณ์ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 58 ของไทยเหลือ 3.8% จากเดิม 4.0%

ส่งออกในเดือนก.พ. ลดลง 6.15%, ราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย, ผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพ

ราคาสินค้าที่ยังทรงตัวในระดับสูง และกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต

ขณะที่ปัจจัยบวกมีเพียงคณะกรรมการนโยบายการเงิน ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1.75% และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง

เบื้องหน้าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาอยู่ล่ะครับ ที่ประชาชนจะฝากความหวังอย่างสูงไว้กับผู้นำหรือรัฐบาลที่เข้ามาแก้ไขปัญหา

ทีมเศรษฐกิจคงแตกแยกกันเป็น 2 ทีมไม่ได้ เพราะลำพังตัวปัญหาก็หนักหน่วงสาหัสสากรรจ์อยู่แล้ว ขนาดไม่ทะเลาะกันก็ยังไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับปัญหาได้หรือไม่เลย

ปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วงอยู่ในขณะนี้ คนเป็นผู้นำคงจะนึกคิดแบบลำพองใจตัวเองไม่ได้ว่า การบริหารเศรษฐกิจ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ขนาดพวกตนไม่เคยทำมาก่อน ก็ยังทำได้เลย

นั่นเป็นการทึกทักเอาเองที่อันตรายอย่างมาก

การที่เจออุปสรรคปัญหา แล้วชอบเอาแต่โทษผู้อื่นน่ะ มันไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีของนักบริหารเลย นานวันเข้าก็จะยิ่งสูญเสียบุคลิกภาพไปกันใหญ่

เข้าทำนอง “คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว” เลยเชียวแหละ

สมควรจะได้สรุปบทเรียนถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานระบบรางซะด้วยว่า งานที่ดูผิวเผินจะง่ายๆ เช่น รถไฟทางคู่ หรือที่ยากขึ้นมาหน่อยคือ โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และโครงการถไฟความเร็วสูงน่ะ…

ผ่านมาแล้ว 10 เดือน ทำไมถึงยังไม่ได้ลงมือซักกะเส้นเดียว

ทำงานไม่เป็น หรือกลัวโกง หรือล่าช้าเพราะสาเหตุอื่นใด โปรดสำรวจตรวจตราให้สามารถค้นพบปัญหาที่แท้จริงด้วย

เศรษฐกิจไทยตอนนี้ น่ากลัวมากนะ

                                                                           

Back to top button