คุณค่าบริษัท : ROBINS บริหารต้นทุนดี

การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นของดัชนีผู้บริโภคอยู่ที่ 76.5 ในไตรมาส 1/60 จาก 75.7 ในไตรมาส 4/59 และ 73.5 ในไตรมาส 3/59 ตามลำดับ ปัจจัยบวกหลักมาจากการส่งออกและท่องเที่ยวที่ดีขึ้นนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมหลังผ่านพ้นการปรับตัวเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ


ประกอบกับสินค้าเกษตรหลายรายการเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีการใช้จับจ่ายใช้สอยใน บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS เนื่องจากมีสาขาอยู่ถึง 44 แห่งทั่วประเทศไทย

นอกจากนี้บริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ที่เพชรบุรีเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งตั้งอยู่ในระยะที่เหมาะสมจากตัวชุมชนชะอำ ทำให้ลดการแข่งขันจากห้างที่อยู่ข้างเคียงในชะอำและหัวหิน อัตราการใช้พื้นที่อยู่สูงที่ 99% สาขาใหม่ที่เปลี่ยนจะมีรูปแบบ Layout เป็นแบบใหม่ที่สวยงามและดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้น พร้อมบริษัทมีแผนเปิดสาขาด้วย Layout ใหม่ ที่มหาชัย ด้วยพื้นที่ 15,000 ตรม. และที่กำแพงเพชร พื้นที่ 28,000 ตรม. ในไตรมาส 4/60 ซึ่งคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มรายได้เช่าพื้นที่ประมาณ 10% ในปี 2560

สิ่งสำคัญ บริษัทสามารถบริหารต้นทุนและกำไรได้ค่อนข้างดี กลยุทธ์สำคัญที่มีผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น คือการที่บริษัทสามารถเพิ่มสัดส่วนสินค้าซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทเองซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 บริษัทมีสัดส่วนแบรนด์ของตนเองที่ 10% ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทโดยรวมอยู่ที่ 24.5% ในปี 2559 สัดส่วนแบรนด์ของตนเองเพิ่มเป็น 12% และมาร์จิ้นเพิ่มเป็น 24.9%

ทำให้คาดว่าบริษัทซึ่งใช้กลยุทธ์นี้จะสามารถมีมาร์จิ้นที่ 25% ได้ในปี 2560 โดยในไตรมาส 1/60 บริษัทสามารถมีอัตรากำไรขั้นต้นได้ถึง 25.3% จากการที่มีสินค้าแบรนด์ของตนเองในสัดส่วน 12.5% ของยอดขาย

จากปัจจัยบวกในด้านของภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว การบริหารต้นทุนที่ดีและขยายสาขา ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 3,060 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มขึ้น 8.7% ขณะที่ในปี 2561 คาดจะมีกำไร 3.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% จากการขยายสาขาและรับรู้รายได้เต็มปีจากสาขาที่เพิ่มในปี 2560 บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง หนี้สินต่อทุนสุทธิเป็น cash ซึ่งเอื้อต่อการขยายสาขาและกิจการ

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 7,283.32 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 7,345.64 ล้านบาท ส่วนกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 709.77 ล้านบาท หรือ 0.64 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 686.39 ล้านบาท หรือ 0.62 บาทต่อหุ้น เนื่องจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 68 บาทต่อหุ้น

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด 308,162,660 หุ้น 27.75%
  2. บริษัท ซี.อาร์.จี.บริการ จำกัด 289,645,488 หุ้น 26.08%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 53,298,807 หุ้น 4.80%
  4. สำนักงานประกันสังคม 50,518,600 หุ้น 4.55%
  5. นายสุทธิลักษณ์ จิราธิวัฒน์ 26,929,796 หุ้น 2.42%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสุทธิศักดิ์ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ
  2. นายอลัน จอร์จ ทอมสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่
  3. นายอลัน จอร์จ ทอมสัน กรรมการ
  4. นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ กรรมการ
  5. นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการ

Back to top button