ตีแผ่ บจ.ดัง : UBIS ไม่คงเส้นคงวา

คุณอนุสรณ์ จาก อ.เมือง จ.ราชบุรี พูดถึงผลงานที่น่าผิดหวังของหุ้น UBIS หรือ บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ทำให้รู้ว่า โลกของการลงทุนนี้ไม่มีอะไรแน่นอน นักลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยงด้วยความเต็มใจ จึงอยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสำหรับหุ้นตัวนี้ หลังราคาหุ้นรูดลงหนักแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมกันนี้อยากถามว่า ปีนี้ทำไมเล่นหุ้นยากเหลือเกินครับ


ประเด็นเรื่องการลงทุนไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับอาจารย์ เพราะถ้าย้อนกลับไปดูประศาสตร์ของตลาดหุ้นไทยที่ผ่านทั้งเรื่อง วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย ปัญหาY2K(ระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหาทั่วโลก) เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 หรือ 9/11 ต่อเนื่องไปถึงสงครามอ่าวเปอร์เซีย หรือแม้กระทั่งวิกฤตเศรษฐกิจอเมริกา ตลาดหุ้นไทยก็ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ได้มีโมเมนตัมที่แย่ลง

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในเกณฑ์ดี แถมบางบริษัทยังจ่ายปันผลได้อย่างโดดเด่น จนทำให้ตลาดหุ้นไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในสายตานักลงทุนทั่วโลก และผลดังกล่าวก็ทำให้ตลาดหุ้นไทยแซงหน้าตลาดหุ้นสิงค์โปร์ได้ในที่สุด

ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้รู้ว่า หากตลาดหุ้นไทยช่วงไหนเล่นค่อนข้างยาก ย่อมเป็นผลมาจากผลประกอบการมีแนวโน้มไม่สดใส นักลงทุนเลือกเทขายหุ้นมากกว่าเก็บหุ้นไว้พอร์ต และบางส่วนเริ่มชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์รอบด้านให้ชัวร์เสียก่อนครับ

ด้วยเหตุนี้อาจารย์ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้น UBIS หรือ บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) โดนถล่มเทขายอย่างหนัก จนทำให้ทิศทางของหุ้นที่เคยแสดงทีท่าเป็น “ขาขึ้น” กลายเป็น “ขาลง” ในพริบตา ทั้งหมดก็เป็นผลมาจากผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 60 พลิก “ขาดทุน” จากก่อนหน้านี้มี “กำไร” มาตลอด

ที่สำคัญคือ ตัวเลขขาดทุนในเที่ยวนี้สูงถึง 293.09 ล้านบาท หรือ 1.29 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 31.02 บาท หรือ 0.14 บาทต่อหุ้น มันคือตัวแปรหลักที่ทำให้คนที่ถือหุ้น UBIS ต้องตัดใจขายหุ้นออกไปก่อน เพราะไม่แน่ใจว่า ในไตรมาส 3 จะพลิกกลับมาทำกำไรได้หรือเปล่า? เพราะผลขาดทุนที่เกิดขึ้นมาจากลูกค้าเบี้ยวเงินค่าสินค้าจำนวนมาก

นอกจากนี้หากล้วงลึกลงไปถึงผลิตภัณฑ์ของ UBIS ที่ทำเกี่ยวกับผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางยาแนวฝากระป๋อง และแลคเกอร์เคลือบกระป๋อง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตภาชนะ กระป๋องโลหะ และฝาโลหะ ในการบรรจุอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ย่อมเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในช่วงถดถอยอย่างหนัก กำลังซื้อสินค้าหดหายไปเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ลูกค้าของบริษัทไม่มีความสามารถในการชำระหนี้

วันนี้จึงเหลือแค่ทางเลือกคือ ต้องตัดใจขายหุ้นทิ้งไปก่อน เพราะเมื่อดูจากไซเคิลของหุ้นที่อยู่ในช่วงขาลงยาวนานกว่าขาขึ้น ก็ต้องยอมตัดขายขาดทุนเพื่อไปตั้งหลักใหม่นะครับ

 

สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

กราฟประกอบคอลัมน์ : Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 18 ส.ค.60

Back to top button