พาราสาวะถี

ปรากฏการณ์การเมืองช่วงนี้ดูเหมือนว่าทุกความเคลื่อนไหวล้วนมีนัยหรือล้อไปด้วยกันได้แทบจะทุกเรื่อง กรณีตำรวจขุดพบอาวุธกลางทุ่งนาที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมๆกับการฟันธงในทันทีว่าเป็นของเครือข่าย “โกตี๋” วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร


อรชุน

ปรากฏการณ์การเมืองช่วงนี้ดูเหมือนว่าทุกความเคลื่อนไหวล้วนมีนัยหรือล้อไปด้วยกันได้แทบจะทุกเรื่อง กรณีตำรวจขุดพบอาวุธกลางทุ่งนาที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมๆกับการฟันธงในทันทีว่าเป็นของเครือข่าย “โกตี๋” วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ตามมาด้วยบทสัมภาษณ์ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ก็ “ยากที่จะปลดล็อคทางการเมืองได้” มิหนำซ้ำ ยังอ้างการข่าวต่อว่าพบการเคลื่อนไหวของบางคนบางกลุ่ม ด้วยเหตุนี้จึงต้องประเมินสถานการณ์กันอย่างรอบคอบ และคาดหมายว่าน่าจะปลดล็อคได้ช่วงใกล้เลือกตั้ง อันนำมาซึ่งคำถามว่า แล้วเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด

ด้วยเหตุผลเช่นนี้ของรองนายกฯด้านความมั่นคง จึงเป็นเหตุให้ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดข่าวการพบอาวุธจึงมาปรากฏในช่วงที่รัฐบาลกำลังเผชิญข่าววิกฤติรอบด้าน โดยเฉพาะกับการเสียรังวัดในการเดินทางลงพื้นที่ไปประชุมครม.สัญจรที่สงขลา ที่แทบจะเรียกได้ว่า คะแนนนิยมในสายตาคนภาคใต้ลดฮวบฮาบอย่างน่าใจหาย

ไม่ว่าจะเป็นการตะคอกใส่ชาวประมงที่ไปร้องเรียนปัญหาให้ท่านผู้นำช่วย การจับกุมแกนนำม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและตามมาด้วยปมดราม่าจากปากพาจนของโฆษกรัฐบาลที่ไปกล่าวหา แกนนำม็อบไม่ได้ถูกจับกุมแต่แอบหนีไปเที่ยวกับหญิงอื่น เหล่านี้สะท้อนภาวะขาลงทั้งสิ้น ดังนั้น จึงไม่แปลกใจกับข่าวการพบอาวุธจำนวนมากที่ออกมาเพื่อกลบกระแส

แต่สิ่งที่ณัฐวุฒิเรียกร้องต่อมาคือ ถ้ามั่นใจว่าอาวุธที่พบเป็นของเครือข่ายโกตี๋จริงขอให้เปิดเผยรายละเอียดมาทั้งหมดว่า ใครเป็นผู้นำมาฝังไว้และการข่าวได้ข้อมูลมาว่าอย่างไร อย่าให้ข่าวตีกินอย่างที่เป็นอยู่ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ฝ่ายการเมืองไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม ไม่ได้กลัวเรื่องของโกตี๋แต่กลัวการโกหกมากกว่า

นั่นเป็นมุมของแกนนำกลุ่มการเมือง แต่นักการเมืองอาชีพต่างส่ายหน้ากันเป็นแถว ฟากเพื่อไทยทั้ง ชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรค และ วรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ ต่างเห็นตรงกันการจะไปปลดล็อคใกล้เลือกตั้ง เท่ากับการทำหมันจำกัดการเคลื่อนไหวของนักการเมือง การกระทำดังกล่าวทำให้เห็นได้ว่า ผู้มีอำนาจต้องการต่อท่อสืบทอดอำนาจ ซึ่งไม่ควรจะเล่นแร่แปรธาตุควรจะบอกกันมาตรงๆ

คงไม่ต้องห่วงเรื่องคะแนนนิยม เพราะฝ่ายกองเชียร์ที่หลับหูหลับตาหนุน ยังไงก็ไม่เกลียดคณะรัฐประหารไปได้ ขณะที่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อินังขังขอบว่าผู้มีอำนาจจะดำเนินการอะไร อย่างไร ขอเพียงแค่อย่าให้ปัญหาปากท้องมันเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่นี่ก็แล้วกัน เรื่องความหวังว่ามันจะดีขึ้นต้องบอกกันตรงๆ เหมือนกันว่า คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นอนาคต

ดังนั้น เกมลากยาวอำนาจ นอกจากจะดีต่อท่านผู้นำและชาวคณะแล้ว คงไม่มีใครได้รับประโยชน์ด้วย มิหนำซ้ำ ยังจะกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของนานาประเทศที่มีต่อประเทศไทยอีกต่างหาก แต่ในเมื่อบรรดาที่ปรึกษาทั้งหลายเห็นดีเห็นงามว่าจะเดินกันไปด้วยกลยุทธ์แบบนี้ ก็ต้องปล่อยให้ผู้มีอำนาจทำกันไปให้สุดขอบสุดขั้ว

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ออกอาการงงต่อบทสัมภาษณ์ของบิ๊กป้อมไม่เข้าใจว่าจะปลดล็อคให้พรรคการเมืองช่วงเลือกตั้งคืออะไร และอยากถามว่ากิจกรรมทางการเมืองของพรรค เช่น การประชุมพรรค การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค การทำไพรมารีโหวต การส่งตัวผู้สมัครลงเลือกตั้ง จะทำอย่างไรและทำได้หรือไม่

พลเอกประวิตรต้องอธิบายตรงนี้ด้วยว่าจะทำอย่างไร เพราะต้องดูเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญเป็นหลักว่า พอร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กับร่างกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. จัดทำเสร็จ 150 วันแล้ว ต้องเลือกตั้ง ซึ่งเขียนไว้ตามรัฐธรรมนูญ จึงคิดว่าจะอ้างสถานการณ์ความไม่เรียบร้อยไม่ได้ ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญเป็นหลัก

สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้ เพราะเป็นเรื่องที่ท่านผู้นำเน้นย้ำกับทุกคนทุกฝ่ายมาโดยตลอดให้เคารพกฎหมาย เมื่อเป็นเช่นนั้นประเด็นการปลดล็อค รัฐบาลและคสช.ต้องทำตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ นักการเมืองและพรรคการเมืองจะเรียกร้องให้ปลดล็อคบ่อยๆ คงไม่ได้ เพราะถูกมองว่าเป็นตัวสร้างปัญหา แต่ปัจจัยสำคัญคือ ให้ดูว่ากฎหมายเขียนอย่างไร ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ต้องทำตามนั้น เพราะบ้านเมืองที่ผ่านมาวุ่นวายเนื่องจากคนไม่ทำตามกฎหมาย

แต่พอไปฟังคนร่างรัฐธรรมนูญและรู้ดีทุกเรื่องในข้อกฎหมายอย่าง มีชัย ฤชุพันธุ์ แล้ว บอกได้คำเดียวว่า ถ้าจะหวังบรรทัดฐานจากคนคนนี้คงยาก ปลาไหลยังต้องเรียกพี่ โดยประเด็นปลดล็อคเจ้าตัวบอกว่า ร้อนใจไปกับพรรคการเมือง แต่ถ้าหากมีความจำเป็นก็สามารถแก้ไขกฎหมายได้ ไม่มีอะไรตายตัว แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคสช.จะทำอย่างไร คงต้องไปถามหัวหน้าคสช.

ที่ทำให้เห็นภาพของการมีเนติบริกรชั้นครูอยู่ร่วมชายคาคณะรัฐประหาร ทำให้ใช้เหลี่ยมคูทางกฎหมายหลบหลีกได้อย่างเนียนๆ คงเป็นคำอธิบายที่ว่า การที่คสช.ยังไม่ปลดล็อคทำให้ขัดกับกฎหมายลูกที่บังคับใช้นั้น มีชัยบอกว่าต้องไปถามคสช. พอถามย้ำว่า เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าคสช.กำลังทำผิดกฎหมายอยู่หรือไม่ คำตอบที่ได้คือ ไม่ผิดเพราะคสช.เขามีอำนาจของเขาอีกทางหนึ่ง

คงโทษใครไม่ได้ ถือเป็นชะตากรรมของประเทศร่วมกัน กับการได้คณะรัฐประหารและผู้บริหารประเทศที่มีศรีธนญชัยร่วมคณะเช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่าไทยแลนด์น่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ได้รับการจารึกว่ามีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่จะมีคำสั่งคสช.ตามมาตรา 44 กำกับอยู่ ทั้งก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ เรียกได้ว่าคุมทุกอย่างจนกว่าภารกิจกุมอำนาจจะแล้วเสร็จ ดีไม่ดี เลือกตั้งแล้วไม่ได้ดั่งใจอาจมีการใช้ม.44 จัดการอย่างหนึ่งอย่างใดก่อนจะมีรัฐบาลใหม่ก็ยังได้

Back to top button