นอนฟืน กลืนน้ำดีขม

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ 27 มีนาคม แกว่งตัวแรง ดัชนีดาวโจนส์อุตสาหกรรมเปลี่ยนจากบวกเป็นลบกะทันหันกลางตลาด หลังจากมีรายงานข่าวร้าย 3 ข่าวว่า 


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ 27 มีนาคม แกว่งตัวแรง ดัชนีดาวโจนส์อุตสาหกรรมเปลี่ยนจากบวกเป็นลบกะทันหันกลางตลาด หลังจากมีรายงานข่าวร้าย 3 ข่าวว่า

  1. คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาแผนออกกฎหมายควบคุมการลงทุนด้านเทคโนโลยีของจีนในสหรัฐฯ ซึ่งอาจครอบคลุมถึงด้านเซมิคอนดักเตอร์ และระบบการสื่อสารไร้สาย 5G โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
  2. คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังเดินหน้าสอบสวนบริษัทเฟซบุ๊ก ในกรณีการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน ขณะที่นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก เตรียมเข้าให้การต่อสภาคองเกรสสหรัฐเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว

กรณีหลังเป็นประเด็นจำเพาะ แต่กรณีแรกถือเป็นการส่งผลสะเทือนในวงกว้างมากกว่า  เพราะดังที่ทราบกันดีว่าทั้งสหรัฐฯและจีนมีเข็มมุ่งรักษาความเป็นหนึ่งทางด้านธุรกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะจีนนั้นถือว่าสำคัญยิ่ง เป็นส่วนหนึ่งของ 14 แนวคิดสี จิ้นผิง เลยทีเดียว

คำถามคือจีนจะรับมือกับความขัดแย้งจากการเปิดเกมรุกอย่างไร 

เรื่องนี้ นักวิเคราะห์ทางด้านเทคโนโลยีจีน ระบุว่า แม้ว่าภาพลักษณ์ของสินค้าจีนจะด้อยกว่าสหรัฐฯ แต่ในหลายปีนี้จีนได้ผ่านการทดสอบ และยอมรับกันมาตลอดว่ามีนวัตกรรมทางด้านนี้ทัดเทียมไม่แพ้สหรัฐฯ และปีที่ผ่านมามีการจดทะเบียนสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีในจีนมากที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว

การทำสงครามปกป้องการลงทุนจากจีนของสหรัฐฯเป็นสิ่งที่ยากจะเลี่ยงพ้นในระยะสั้น เพียงแต่ผลลัพธ์ยังไม่มีใครรู้ว่าจีนจะทำเช่นไรหากสหรัฐฯบ้าเลือด ออกกฎหมายมาใช้บังคับจริงก็คงต้องปรับตัวกันพัลวัน

เพียงแต่จีนที่ตกอยู่ในฐานะเป็นเบี้ยล่างพอสมควร ยังคงความไม่พร้อมกับการเผชิญหน้าตรงๆ แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” คงจะต้องเลือกใช้กลยุทธ์ซื้อเวลาอันเก่าแก่ของคนที่ด้อยกว่าที่เรียกในตำรายุทธศาสตร์ทางทหารของจีนที่รู้จักในนาม “นอนฟืน กลืนน้ำดีขม” หรือ “โว่ซินฉางต่าน” ที่เป็นสำนวนใช้เพื่อสอนว่า คนเราต้องผ่านการเคี่ยวกรำตนเอง อดทน เพียรพยายามอย่างยิ่ง เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จดังที่มุ่งหวังเอาไว้

ตำนานของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 496 ปีก่อนคริสตกาล เจ้าครองแคว้นอู๋นาม เหอหลี่ว์ ได้ส่งกองทัพมาโจมตีรัฐเยี่ยว์ ทว่ากลับถูกกองทหารรัฐเยี่ยว์ตอบโต้จนแตกพ่ายไป เหอหลี่ว์เองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งเสียชีวิต โอรสนามฟู่ไช จึงได้รับเลือกให้ขึ้นครองแคว้นอู๋แทน

ต่อมาเกิดการศึกระหว่างแคว้นอู๋และแคว้นเยี่ยว์อีกครั้ง แคว้นเยี่ยว์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อู๋ จื่อซีว์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาผู้รักชาติแห่งแคว้นอู๋ แนะนำว่าฟูไชควรกำจัดเจ้าแคว้นเยี่ยว์ นามโกวเจี้ยนให้สิ้นซาก ไม่ควรปล่อยเอาไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน แต่เจ้าแคว้นอู๋ไม่ฟัง กลับนำโกวเจี้ยนกลับไปเป็นทาสยังแคว้นอู๋

3 ปีผ่านไป โกวเจี้ยนอยู่แคว้นอู๋อย่างสงบเสงี่ยมยิ่งนัก จนทำให้ฟูไชไว้วางใจในตัวโกวเจี้ยนมากขึ้น ถึงขั้นปล่อยตัวให้กลับสู่แคว้นเยี่ยว์ดังเดิม

ในความจริงแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โกวเจี้ยนไม่เคยลืมความคับแค้นที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของตน เขาได้แอบสั่งสมกองกำลังและฝึกฝนกองทัพของตนเองอย่างลับๆ เพื่อรอวันแก้แค้น โดยในช่วงเวลาดังกล่าวทุกๆ ค่ำคืน ยามหลับใหลโกวเจี้ยนไม่เคยนอนสบายบนฟูก แต่กลับนอนบนฟืนแข็งปูหยาบๆ หนำซ้ำภายในห้องพักของเขายังแขวนถุงน้ำดีเอาไว้ เขาหมั่นลิ้มรสความขมของน้ำดีนั้นอยู่เสมอๆ เพื่อไม่ปล่อยให้ความสะดวกสบายทางร่างกายทำให้หลงลืมความคับแค้นที่ผ่านมา

นอกจากนั้น เมื่อกลับสู่แคว้นเยี่ยว์ เพื่อครองใจไพร่ฟ้าโกวเจี้ยนและมเหสีจึงมักลงไปใช้แรงงานร่วมกับชาวบ้านราษฎร สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ร่วมแรงร่วมใจก่อร่างสร้างรัฐเยี่ยว์ขึ้นมาใหม่

พร้อมกันนั้นยังได้คิดค้นกลยุทธ์สาวงาม หรือ เหม่ยเหรินจี้ เป็นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการกำจัดศัตรูที่มีกำลังเข้มแข็ง ด้วยการแผ้วหาหนทางกำจัดแม่ทัพเสียก่อน หากปล่อยไว้จะเป็นภัยในภายหน้า ต่อแม่ทัพที่มีความเฉลียวฉลาด สติปัญญาเป็นเลิศ ชำนาญตำราพิชัยสงคราม รอบรู้ภูมิประเทศและจุดยุทธศาสตร์ เก่งกาจในเชิงยุทธ์ จักต้องโจมตีจุดอ่อนทางใจให้มีอุปสรรค ส่วนแม่ทัพที่หย่อนย่อท้อแท้ กำลังทหารไพร่พลที่กำลังถดถอย ก็จักอ่อนแอแลเสื่อมโทรมพ่ายแพ้ไปเอง

ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์สาวงามไปใช้ได้ ในลักษณะ 3 ประสานคือ ฝึกฝนกองกำลังทหาร พัฒนาด้านกสิกรรม และสะสมเสบียงกรังระยะยาว แล้วก็ส่งสาวงามไปเป็นเครื่องบรรณาการ พร้อมกับเป็นสายคอยส่งข่าวภายในให้ คือกรณีของ ไซ ซี (หรือ ซี ซือ ตามสำเนียงกลาง)

ไซ ซี เป็นหญิงสาวชาวบ้าน ลูกสาวคนตัดฟืนที่เขาจู้หลัวซาน นางถูกพบครั้งแรกขณะซักผ้าริมลำธาร นางมีหน้าตางดงามมากจนได้ฉายาว่า   “มัจฉาจมวารี” โดยมอบหมายให้ ฟ่านหลี (เถาจูกง) เสนาบดีแคว้นเยว่เป็นผู้ดูแลอบรมนางให้มีอุดมการณ์เพื่อบ้านเมือง เป็นเวลานานถึง 3 ปี เพื่อที่จะไปเป็นบรรณาการให้กับแคว้นอู๋ เพื่อมอมเมาให้อู๋อ๋องฟูไช เจ้านครแคว้นอู๋ ลุ่มหลงอยู่กับเสน่ห์ของนางจนไม่บริหารบ้านเมือง ซึ่งอู๋อ๋องฟูไชหลงใหลนางไซซีหัวปักหัวปำ

เวลาผ่านไป 13 ปี เมื่อได้เวลาสมควร จากการที่แคว้นอู่อ่อนแอลง แคว้นเยว่ของอ๋องโกวเจี้ยน ก็สามารถเอาชนะได้สำเร็จในที่สุด ทำให้อู่อ๋องฟูไชฆ่าตัวตาย

กลยุทธ์ “นอนฟืน กลืนน้ำดีขม” ของจีนหากจะนำมาใช้ในยุคดิจิทัลเฟื่องฟู คงจะน่าดูน่าชมไม่น้อย แต่ “กลยุทธ์สาวงาม” นั้น คงต้องใช้จินตนาการมากกว่าปกติ หากจีนต้องการบรรลุเป้าหมายแซงหน้าเหนือสหรัฐฯในระยะยาว

Back to top button