มาลีนนท์ (ไม่) บุพเพสันนิวาส

จากปรากฏการณ์ “บุพเพสันนิวาสฟีเวอร์” ทำให้สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กลับมาได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และนั่นทำให้เรตติ้งช่อง 3 กลับมาแซงหน้าคู่แข่งตลอดกาล อย่างช่อง 7 อีกครั้ง


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

จากปรากฏการณ์ “บุพเพสันนิวาสฟีเวอร์” ทำให้สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กลับมาได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และนั่นทำให้เรตติ้งช่อง 3 กลับมาแซงหน้าคู่แข่งตลอดกาล อย่างช่อง 7 อีกครั้ง

เช่นเดียวกับหุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ที่เคยเป็น “หุ้นปลาเกลือ” ตากแห้งมาหลายปี ถูกหยิบขึ้นมาเก็งกำไรอย่างทันควัน ตามกระแส “พี่หมื่น-ออเจ้าการะเกด” นั่นเอง โบรกเกอร์หลายสำนักออกมาเชียร์ซื้อหุ้น BEC นัยว่ากำลังเทิร์นอะราวด์ด้วยออเจ้าประมาณนั้น..!!

จนหลายคนลืมเลือนไปเลยว่า BEC ปีที่ผ่านมา กระเสือกกระสนกำไร 61 ล้านบาท ลดลงอย่างน่าใจหาย จากปี 2559 กำไร 1,218 ล้านบาท

ทว่า..ดูจากภายนอกระหว่างที่ช่อง 3 หรือหุ้น BEC เสมือนกำลังเสพสุขกับกระแส “บุพเพสันนิวาสฟีเวอร์” แต่ภายในผู้ถือหุ้น BEC ดูเหมือน “ตระกูลมาลีนนท์” จะไม่บุพเพสันนิวาสกันเสียแล้ว

เมื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ BEC ล่าสุดพบว่าไม่มีรายชื่อของ “กลุ่มครอบครัวประวิทย์ มาลีนนท์อดีตแม่ทัพใหญ่ BEC ถือหุ้นใหญ่แล้ว

ย้อนไปเมื่อช่วงเดือน ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา กลุ่มครอบครัวประวิทย์ ถือหุ้นรวมทั้งหมด 5.88% โดยลูกสาวและลูกชายทั้งหมด 4 คน ได้แก่ อรอุมา, วัลลิภา, วรวรรธน์ และชฎิล ถือหุ้นคนละ 1.47% หลังจากที่ประวิทย์ ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร BEC และบริษัทในกลุ่มช่อง 3 ทั้งหมด ตั้งแต่ 19 พ.ย. 2559

โดยน้องชายคนเล็ก (ประชุม มาลีนนท์) เข้ามาบริหารแทน นับตั้งแต่ 21 มี.ค. 2560 เป็นต้นมา

จากกรณีการขายหุ้น BEC ทิ้งเกลี้ยงพอร์ต ของประวิทย์และครอบครัว ทำให้เกิดคำถามตามมาทันทีว่า..เกิดอะไรขึ้นกับ “มาลีนนท์แฟมิลี่” กันแน่..!!??

ว่าไปแล้ว “ตระกูลมาลีนนท์” ในบรรดาลูกชายลูกสาวทั้งหมด ได้รับการจัดสรรหุ้นจากวิชัย มาลีนนท์ ผู้เป็นพ่อในสัดส่วนเท่ากันและมีสิทธิเท่าๆ กัน ช่วงแรกๆ ที่ประวิทย์ รับหน้าที่บริหารธุรกิจทั้งหมด มาเป็นเวลายาวนาน ในฐานะคนที่เป็นนักประสานงาน นอบน้อม เพราะช่วงต้น การบริหารงานช่อง 3 ต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ ในเรื่องสัญญาสัมปทาน และติดต่อประสานงานหน่วยงานต่างๆ และด้วยเป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะอ่อนน้อม ใจดี คนเข้าหาได้ตลอด ทำให้ผูกใจผู้คนได้มาก โดยเฉพาะบรรดาดารา ผู้จัด ให้ความเคารพนับถือ “ประวิทย์” อย่างมาก

สุดท้าย ประวิทย์ ได้ส่งต่อการบริหารงานให้ “ประสาร มาลีนนท์” พี่ชายคนโต แต่เมื่อประสาร เสียชีวิตเมื่อปลายปี 2559 ก็ปรากฏข่าวลือ “ความขัดแย้งภายในครอบครัวมาลีนนท์” เกิดขึ้นตามมา เกี่ยวกับกรณีผู้บริหารช่อง 3 พุ่งเป้าไปที่ประวิทย์ ว่ามี “ผลประโยชน์ทับซ้อน” กับบริษัทที่รับผลิตงานให้ช่อง 3 ด้วยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทของผู้ผลิต และผู้จัดละครหลักๆ ของช่อง 3

แม้ว่าเรื่องนี้ ประวิทย์ ออกมาปฏิเสธว่า “ไม่เคยเข้าไปถือหุ้นบริษัทที่มารับงานช่องแต่อย่างใด” ก็ตาม

สุดท้ายไม่ว่า “ครอบครัวประวิทย์ มาลีนนท์” จะขายทิ้งหุ้น BEC เพียงด้วยเหตุส่วนตัวหรือแรงบีบคั้นจากความขัดแย้งภายในพี่น้องตระกูลมาลีนนท์..เป็นเรื่องที่อ่อนไหวที่ต้องรอการพิสูจน์กันต่อไป

ว่าแต่ว่าตระกูลมาลีนนท์ “ไม่มีบุพเพสันนิวาส” ต่อกันเสียแล้ว หุ้น BEC จะเป็นเยี่ยงไร..ละเนี่ยออเจ้า..!!??

อิ..อิ..อิ..

โครงสร้างผู้ถือหุ้น BEC ของตระกูล”มาลีนนท์”
ลำดับ ชื่อ-นามสกุล สัดส่วน(%)
1 กลุ่มรัตนา มาลีนนท์ 8.98
2 กลุ่มนิภา มาลีนนท์ 6.46
3 กลุ่มอัมพร มาลีนนท์ 6.46
4 กลุ่มประสาร มาลีนนท์ 5.90
5 กลุ่มรัชนี (มาลีนนท์) นิพัทธกุศล 5.88
6 กลุ่มประชุม มาลีนนท์ 4.05
7 กลุ่มประชา มาลีนนท์ 2.52
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

Back to top button