STANLY โตเด่น

อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวติดต่อกันเป็นหกเดือนแล้ว ประกอบกับหลังช่วง 4 เดือนแรกของปี 2561 ส.อ.ท.ประกาศยอดผลิตรถยนต์แล้วกว่า 6.74 แสนคัน ซึ่งคิดเป็น 33% ของเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 2 ล้านคัน ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 3.68 แสนคัน เพิ่มขึ้น 4.13%


คุณค่าบริษัท

อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวติดต่อกันเป็นหกเดือนแล้ว ประกอบกับหลังช่วง 4 เดือนแรกของปี 2561 ส.อ.ท.ประกาศยอดผลิตรถยนต์แล้วกว่า 6.74 แสนคัน ซึ่งคิดเป็น 33% ของเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 2 ล้านคัน ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 3.68 แสนคัน เพิ่มขึ้น 4.13%

จากยอดผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็นผลบวกต่อ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY ซึ่งมีจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเกิด Value-added ในตัวสินค้า และส่งผลต่อราคาขายต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ในค่ายต่าง ๆ

เนื่องด้วยปัจจุบันบริษัทถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่อันดับต้น ๆ ในตลาดไฟหน้า-ไฟท้ายของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งมากกว่า 80% ในตลาดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคลมากกว่า 50%

ผลดังกล่าวมีโอกาสทำให้ผลดำเนินงานของ STANLY ยังโตเด่นจากยอดขายที่คาดจะเพิ่มขึ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงบการเงินปี 2561 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561) บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการขยับขึ้นมาอยู่ที่ 13,220.45 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 11,024.80 ล้านบาท อันสืบเนื่องมาจากยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการออกรถยนต์และจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,658.66 ล้านบาท หรือ 21.65 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,270.77 ล้านบาท หรือ 16.58 บาทต่อหุ้น

สำหรับกำไรที่ออกมาดีกว่าคาด และถือเป็นไตรมาสดีที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท ตลอดจนผลักดันกำไรปกติและกำไรสุทธิทั้งปี 31.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 30.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

ขณะที่แนวโน้มผลดำเนินงานปี 2562 (รอบเดือน เม.ย. 2561-มี.ค. 2562) คาดยังสดใสต่อเนื่อง หลังมียอดคำสั่งซื้อรอแล้วจากค่ายรถยนต์ ส่วนโรงงาน Lamp 7.5 และโรงงานแม่พิมพ์ แม้ปัจจุบันจะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่เมื่อแล้วเสร็จบริษัทจะสามารถผลิตได้ทันทีหลังมียอดคำสั่งซื้อรองรับแล้ว

ด้วยเหตุนี้ทางนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป จึงปรับประมาณการกำไรขึ้น เพื่อสะท้อนกำไรที่คาดโตต่อจากปัจจัยบวกข้างต้น โดยปี 2562 คาด STANLY จะมีกำไรปกติเท่ากับ 1,985 ล้านบาท เติบโต 21.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้วยแรงหนุนจากรายได้จากการขายคาดเติบโต 14.7%  จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ GPM คาดปรับขึ้นจาก ปี 2561 ที่ 18.5% เป็น 19.2% รวมถึงสัดส่วน SG&A/Sales ที่คาดลดลงเป็น 6.7% จาก 6.6%

นอกจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดช่วยหนุนผลดำเนินงานแล้ว STANLY ยังมีจุดเด่นด้านฐานะการเงินที่แกร่ง (Net Cash) โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดสูงถึง 2,012.03 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีแม้ปรับประมาณการกำไรขึ้นและยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก Upside ที่มีอีกมากราว 30.0% จากราคาเป้าหมายปี 2562 ใหม่ที่ 311 บาท (อิง P/E 12 เท่า)

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. STANLEY ELECTRIC HOLDING ASIA-PACIFIC PTE, LTD. 22,950,000 หุ้น 29.95%
  2. นางพรดี ลี้อิสสระนุกูล 7,695,876 หุ้น 10.04%
  3. นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล 4,500,036 หุ้น 5.87%
  4. นายทนง ลี้อิสสระนุกูล 3,208,920 หุ้น 4.19%
  5. STANLEY ELECTRIC HOLDING ASIA-PACIFIC PTE.LTD. 3,009,650 หุ้น 3.93%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการ
  2. นางพรทิพย์ เศรษฐีวรรณ กรรมการ
  3. นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล กรรมการ
  4. นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล กรรมการ
  5. นายโคอิจิ นางาโนะ กรรมการ

Back to top button