การเมืองกับตลาดหุ้น

จู่ ๆ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการจับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเป็นตัวประกันเสียดื้อ ๆ หลังมีกระแสข่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

จู่ ๆ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการจับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเป็นตัวประกันเสียดื้อ ๆ หลังมีกระแสข่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี

ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ FOX News ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทรัมป์ระบุหน้าตาเฉยว่า หากเขาถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี ตลาดหุ้นอาจร่วงหนักอย่างแน่นอน และหากไม่ได้ความคิดหรือการวางแผนของเขา ทุกคนจะต้องประสบกับภาวะยากจน

พร้อมทั้งยังตั้งคำถามกลับว่า เขาจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้อย่างไร ในเมื่อเขาปฏิบัติหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

 ที่จริงนั้น เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นกับการอยู่หรือไปทางการเมืองเป็นความสัมพันธ์ทางอ้อมมากกว่าทางตรง นักการเมืองที่อยู่ในเก้าอี้แห่งอำนาจชอบอ้างเสมอว่าเพราะตนเองมีผลงานที่ดีทำให้ตลาดเชื่อมั่น จึงส่งผลให้ตลาดเป็นขาขึ้น ตราบใดที่ตนนั่งอยู่จะไม่มีขาลง

ในทางทฤษฎีและปฏิบัติ ตลาดหุ้นมักจะเลี่ยงหลบไม่ให้คนเข้าใจหรือเชื่อว่ากลไกของตลาดถูกครอบงำด้วย “มือที่มองเห็น” ของผู้มีอำนาจทางการเมือง

เรื่องการถูกถอดถอน หรือ impeachment ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น มีไม่บ่อยนัก และไม่ง่ายที่จะเอาออกจากตำแหน่ง แต่โอกาสที่ทรัมป์จะถูกถอดถอนนั้น แม้ว่าจะต่ำมากในขณะนี้ แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้น ชวนให้ประเด็นนี้กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ขึ้นมา

ในช่วง 2 วันของสัปดาห์ที่ผ่านมา นายพอล มานาฟอร์ท อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงประธานาธิบดีทรัมป์ ถูกตัดสินว่ามีความผิด 8 ข้อหา เกี่ยวกับการทุจริตฉ้อโกง ตามมาด้วยอดีตทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ นายไมเคิล โคเอน ที่ยอมรับสารภาพว่าได้จ่ายเงินค่าปิดปากให้กับสตรี 2 คนที่อ้างว่าเคยมีความสัมพันธ์ลับกับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยการจ่ายเงินดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2016 และเป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ด้วย

 เรื่องหลังนี้ ผู้สันทัดทางการเมืองอเมริกัน ชี้ว่า อาจส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ถูกพิจารณาถอดถอนจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ได้ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ อ้างว่านายโคเอนพยายามสร้างเรื่องเพื่อให้ได้รับการผ่อนผันโทษจากศาลเท่านั้น

นั่นอาจจะเป็นแค่การคาดเดา เพราะยังมีอีกเรื่องที่รอเล่นงานทรัมป์อยู่ นั่นคือ กรณีเก่าที่มีรายงานร่วมของ 3 องค์กรรัฐด้านหน่วยข่าวกรอง และหน่วยสืบราชการลับหลายหน่วย ที่ชี้ว่าแฮ็กเกอร์ที่เจาะเข้าระบบฐานข้อมูลของพรรคเดโมแครต มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียและคนของทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 2 ปีก่อน จนทรัมป์ได้ชัยชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตัน หลายคนเชื่อว่าเป็นเหตุให้ฮิลลารีพ่ายแพ้การเลือกตั้ง

หน่วยงานเหล่านี้ทำงานโดยคำสั่งจากประธานาธิบดีโอบามา ที่กำลังก้าวลงจากเวทีเท่านั้น ทิ้งไว้แต่ข้อสรุปว่าทางการรัสเซียเกี่ยวข้องกับการแฮ็กข้อมูล ช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง จนดูเหมือนว่าประธานาธิบดีโอบามาตั้งใจจะทิ้งประเด็นให้สังคมเป็นผู้หาคำตอบ เป็นผู้ตัดสินว่าจะให้จบอย่างไร

นับจากช่วงหาเสียงจนถึงปัจจุบัน ทรัมป์และพลพรรค ใช้ทักษะด้านสื่อของตนเรื่อยมา มีการปะทะคารมอย่างรุนแรงกับสื่อบางสำนัก ชี้ว่านำเสนอข่าวเท็จ ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามใช้ทวิตเตอร์ของตนสื่อสารกับสังคม แต่ก็ไม่อาจปิดบังว่าจนถึงขณะนี้ มีข้อสรุป 2 ชุด ชุดแรกคือทางการรัสเซียช่วยทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ด้วยการแฮ็กข้อมูล เปิดเผยข้อมูลที่คณะกรรมการพรรคเดโมแครตช่วยฮิลลารีให้เป็นตัวแทนพรรค ส่วนอีกชุดคือทางการรัสเซียไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องเท็จที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ กับหลายฝ่ายสร้างขึ้นมา

ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่นตลบในขณะนี้ ทุกอย่างยังคงเดินหน้าต่อไป ต่างฝ่ายต่างมีการกล่าวหาไม่สิ้นสุด มีการขุดคุ้ย เจาะลึกลงรายละเอียดมากขึ้น มีตัวละครใหม่ ข้อมูลใหม่ แต่ก็ยังวนเวียนกับข้อสรุปที่เป็นธงเดิมของนางฮิลลารีที่เคยพูดในช่วงหาเสียงว่าหากทรัมป์ชนะเลือกตั้งจะเป็นหุ่นเชิดของรัสเซีย

ทรัมป์เป็นหุ่นเชิดรัสเซียจริงหรือไม่นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง และยังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจน แต่การรับรู้ของคนในสังคมตั้งแต่ช่วงหาเสียงก็มองทรัมป์ในแง่ลบ ตั้งแต่ยังไม่ชนะเลือกตั้ง แม้หลังจากชนะแล้ว หลายฝ่ายรวมทั้งสื่อหลายสำนักยังคงนำเสนอเรื่องที่ทำให้ทรัมป์เสื่อมเสีย

โดยเฉพาะกรณีที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม กดดันให้ เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ ระงับการสอบสวน ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคง กรณีเกี่ยวโยงกับรัสเซีย และได้ปลดโคมีย์ออกจากตำแหน่ง

มีคนตั้งคำถามว่าเหตุใด ทรัมป์จึง “กินปูนร้อนท้อง” เพราะกระบวนการถอดถอนแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย เนื่องจากพรรครีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา แต่หากพรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอม ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็อาจมีการผลักดันเรื่องนี้ขึ้นมาได้

เรื่องนี้ โฆษกหญิงประจำทำเนียบขาว ก็ออกมาดักทางล่วงหน้าว่า การถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่ง เป็นเพียงประเด็นที่ฝั่งเดโมแครตต้องการจะใช้เป็นแคมเปญในศึกเลือกตั้งกลางเทอมเท่านั้น แต่นางแนนซี เพโลซี ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร มองว่า การใช้ประเด็นถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่งเป็นแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งกลางเทอมของพรรค ไม่น่าเกิดขึ้น และค่อนข้างเสี่ยง อาจจะตก “หลุมพราง” ที่พรรครีพับลิกันต้องการให้เป็น เพียงแต่ถ้าหากมีหลักฐานที่ชี้ว่าผู้นำสหรัฐฯ สมควรถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ก็ควรทำให้หลักฐานเหล่านั้นเป็นที่ประจักษ์ ไม่ควรเพิกเฉย

การลากจูงตลาดหุ้นมารองรับความชอบธรรมทางอำนาจของทรัมป์ จึงเป็นการ “โยนหินถามทาง” ตามปกติ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น

Back to top button