บลูชิพเดือนต.ค.61 ดิ่งเกือบยกแผง!

แรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนตุลาคม 2561! โดยเรื่องหลัก ๆ ที่ติดตามอย่างต่อเนื่อง เช่น ความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังไม่จบ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับตัวสูงขึ้น


เส้นทางนักลงทุน

รับผลแนวโน้มสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยหลังจากเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และดอลลาร์แข็งค่า พร้อมทั้งเจอแรง Take Profit หุ้นกลุ่มนำมันปรับตัวลง ประกอบกับกดดันจากตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.ย. ออกมาติดลบ 5.2% ผิดไปจากที่ตลาดฯ คาดว่าจะเติบโต 5.6%

สิ่งสำคัญแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งเดือนตุลาคม 2561 ขายสุทธิจำนวน 64,299.19 ล้านบาท  และหากดูจากต้นปีถึงปัจจุบันขายสุทธิ 274,751.10 ล้านบาท

ทั้งนี้ แรงเทขายเดือนตุลาคม ถือว่าเป็นแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก กระจายไปทั่วทุกกลุ่ม

สำหรับแรงเทขายกลุ่มขนาดใหญ่..คือ ด้วยกลุ่ม SET50 มีหุ้น 50 ตัว ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง 45 ตัว ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 4 ตัว และราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง 1 ตัว

แรงเทขายที่ชัดเจนส่งผลให้ดัชนี SET50 ที่ปรับตัวลง 56.26 จุด หรือลดไป 4.86% เพราะจากดัชนีปิดวันที่ 28 ก.ย. 2561 ปิดที่ระดับ 1,158.75 จุด ขณะที่วันที่ 31 ต.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 1,102.49 จุด

ผลดังกล่าวส่งผลให้กดดันดัชนี SET ปรับตัวลงอย่างหนัก โดยลงไปหลุดแนวรับสำคัญ 1,700 จุด และหากรวมทั้งเดือนลงไป 87 จุด หรือลบไป 4.97% จากดัชนีวันที่ 28 ก.ย. 2561 ปิดที่ระดับ 1,756.41 จุด ขณะที่ดัชนีวันที่ 31 ต.ค. 2561 ปิดที่ระดับ 1,669.09 จุด

ทั้งนี้ ไปดูสิว่ามีหุ้นที่ตัวไหนบ้างที่โดนเทขายออกมา “เรียงจากราคาหุ้นลงหนักสุด” ได้แก่ BEAUTY, CBG, GPSC, MINT, GLOBAL, TOA, LH, IRPC, PTTEP, BPP, BANPU, IVL, SCB, KBANK, ROBINS, TU, BJC, SCC, PTT, TISCO, HMPRO, SPRC, KKP, RATCH, PTTGC, GLOW, CPN, TOP, BDMS, CENTEL, KTC, BGRIM, CPALL, ADVANC, TRUE, BEM, AOT, EGCO, TCAP, INTUCH, BTS, BBL, DELTA, TMB และ KTB ตามลำดับ

ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมีเพียง MTC, BH, EA และ DTAC

ส่วนราคาหุ้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือ CPF

สรุปได้ว่า เดือนตุลาคมหลัก หุ้นบลูชิพเป็นตัวกดดันนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าหุ้นบลูชิพมักเด้งกลับเร็ว และแรง

ดังนั้น จากที่ราคาหุ้นปรับตัวลงอาจเป็นจังหวะดีของการเข้าสะสม !!!

Back to top button