MINT เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว

น่าเสียดาย..! หลังประกาศงบไตรมาส 3/62 ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กลับร่วงแรงซะงั้น โดยเมื่อวันพุธที่ 13 พ.ย. ราคาปรับลดลงไป 4.03% ส่วนวานนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 35.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 380 ล้านบาท


สำนักข่าวรัชดา

น่าเสียดาย..! หลังประกาศงบไตรมาส 3/62 ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กลับร่วงแรงซะงั้น โดยเมื่อวันพุธที่ 13 พ.ย. ราคาปรับลดลงไป 4.03% ส่วนวานนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 35.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 380 ล้านบาท

ทั้ง ๆ ที่งบไตรมาส 3/62 ฟันกำไรสุทธิ 4,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 347% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,020 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 6,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,944 ล้านบาท

นั่นเป็นเพราะถ้าไปดูกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3/62 จะอยู่ที่ 1,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 32.5% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้…

นักลงทุนจึงพากันเทขายหุ้นออกมาอย่างที่เห็น…

แต่จะว่าไปก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารอยู่แล้ว แถมยังเจอพิษบาทแข็งซ้ำเติมอีก…ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแล้ว

โอเค…สาเหตุหลักที่ทำให้งบไตรมาส 3/62 ของ MINT โตกระฉูด เกิดจากกำไรพิเศษจากการขายและเช่ากลับโรงแรมในเครือ Tivoli 3 แห่งในโปรตุเกสสูงถึง 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้เพียงครั้งเดียว

แต่ประเด็นที่น่าสนใจ ต้องไม่ลืมว่า หลังจากนี้ไป MINT จะมีการบุ๊กรายได้จาก เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป (NHH หรือ NH Hotel) เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของ MINT อย่างมีนัยสำคัญ…

ก่อนหน้านี้ตอนที่ MINT ทุ่มเงินสูงถึง 90,000 ล้านบาท ซื้อ NH Hotel ทุกคนมองว่า เป็นภาระทางการเงิน…

โดย MINT แก้ปัญหาด้วยการออกหุ้นกู้ เพื่อนำเงินไปชำระเงินกู้บางส่วนที่จะครบกำหนดชำระ ซึ่งน่าจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

กลับมาที่รายได้จากการดำเนินงานไตรมาส 3/62 อยู่ที่ 29,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจอาหาร 5,686 ล้านบาท ลดลง 3% ธุรกิจโรงแรมและอื่น ๆ 22,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152% และธุรกิจจัดจำหน่ายและผลิต 1,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%

หากเจาะลึกลงไปส่วนของธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 77% จะเห็นว่า เป็นรายได้ที่มาจาก NH Hotel สูงถึง 14,676 ล้านบาท และโรงแรมในเครือ MINT อีก 7,942 ล้านบาท

ยิ่งตอกย้ำว่า NH Hotel ได้เข้ามามีบทบาทต่อโครงสร้างรายได้ของ MINT มากขึ้น

นั่นเท่ากับว่า จากนี้ไปจะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวดอกผลแล้วล่ะ..!

ที่สำคัญอาจได้เห็นการ Synergy ธุรกิจระหว่างโรงแรมในเครือ MINT กับ NH Hotel อีกด้วย

ไม่แน่ต่อไปลูกค้าในเครือ MINT ที่อยากไปเที่ยวสเปน หรือยุโรป ก็สามารถเข้าพักในโรงแรมกลุ่ม NH Hotel ได้ ส่วนลูกค้า NH Hotel ที่อยากมาเที่ยวเมืองไทย ก็มาพักโรงแรมระดับ 3 ดาว 5 ดาวในเครือ MINT ได้เช่นกัน ก็จะทำให้ลูกค้าไม่หลุดรอดไปไหน

งานนี้ต้องบอกว่า win-win กันทั้งสองฝ่าย…

ส่วน MINT ก็รับประโยชน์ไป 2 เด้ง…เด้งแรกรับรู้รายได้จากโรงแรมในเครือที่เพิ่มขึ้น และเด้งที่ 2 ถ้า NH Hotel เติบโตดี สุดท้ายรายได้ก็จะบุ๊กเข้ามาที่งบการเงินของ NH Hotel เช่นกัน

ดังนั้น ใครที่ตกใจเกินเหตุ…เผลอขายหมูไปในช่วงนี้ อาจต้องทำใจ…

เพราะถ้าดูในแง่ปัจจัยพื้นฐาน MINT จัดเป็นหุ้นพื้นฐานแกร่งสตอรี่งามอีกตัวที่น่าสนใจ

หรือใครเห็นต่างจากนี้…ก็ไม่ว่ากัน…เอาที่สบายใจละกัน

…อิ อิ อิ…

Back to top button