พาราสาวะถี

วันนี้ 5 มีนาคมเป็นวันนักข่าว คนแวดวงสื่อที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน คงมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน แง่ความขลังของวันดังกล่าวมาถึงยุคโซเชียลมีเดีย ต้องยอมรับกันว่าลดน้อยถอยไป ไม่ใช่เพราะยุคสมัยหรือสังคมที่พลวัต หากแต่เป็นเรื่องคนในแวดวงวิชาชีพกันเองที่ไม่ได้สร้างองค์กรของสมาคมวิชาชีพทั้งหลายให้เกิดความน่าเชื่อถือ ศรัทธาจากประชาชน นับวันมีแต่สาละวันเตี้ยลง ยิ่งเกิดสื่ออุ้มสมรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ จากการที่โจรใส่สูทไปนั่งบริหารยิ่งน่าขยะแขยงกันไปใหญ่


อรชุน

วันนี้ 5 มีนาคมเป็นวันนักข่าว คนแวดวงสื่อที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน คงมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน แง่ความขลังของวันดังกล่าวมาถึงยุคโซเชียลมีเดีย ต้องยอมรับกันว่าลดน้อยถอยไป ไม่ใช่เพราะยุคสมัยหรือสังคมที่พลวัต หากแต่เป็นเรื่องคนในแวดวงวิชาชีพกันเองที่ไม่ได้สร้างองค์กรของสมาคมวิชาชีพทั้งหลายให้เกิดความน่าเชื่อถือ ศรัทธาจากประชาชน นับวันมีแต่สาละวันเตี้ยลง ยิ่งเกิดสื่ออุ้มสมรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ จากการที่โจรใส่สูทไปนั่งบริหารยิ่งน่าขยะแขยงกันไปใหญ่

ลำพังการใช้สื่อเพื่อโอบอุ้มธุรกิจที่ฟอกขาว เล่นแร่แปรธาตุกันก็ว่าทุเรศแล้ว แต่การทำตัวไปรับใช้อำนาจสืบทอด ด้วยการทอดกายถวายชีวิต ปกป้องสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่เพียงแต่ปกป้องยังจ้องทำลายฝ่ายตรงข้ามด้วยสารพัดวิชาเลว แต่คนในวงการสื่อที่ไม่ได้เลือกข้างกลับนิ่งเฉย ปล่อยผ่าน ให้พวกสามานย์เหล่านั้นใช้เกราะความเป็นคนดีของพวกที่ยึดอำนาจกำบังกายาหากินกันได้สบายใจเฉิบ ดังนั้น วันนักข่าวทุกปีที่ผ่าน แทนที่จะยินดีปรีดากัน คงทำได้แค่เพียงโค้งคำนับกับความเสื่อมถอยที่รอวันพังทลาย

ประเด็นผีน้อยทยอยกลับประเทศไทย จากที่วิตกกันหนักหน่วง ไปไกลกว่าใครเพื่อนก็ในโลกออนไลน์ ที่พากันตั้งข้อสังเกตสารพัด จะว่ารีบด่วนสรุปกันไปก็ใช่ที่ คงต้องโทษฝ่ายกุมอำนาจที่ไร้มาตรการรับมือ เพราะ อนุทิน ชาญวีรกูล คนที่ดูแลเรื่องนี้ยอมรับเอง เพิ่งรู้จักคำว่าผีน้อย รู้สึกช็อกเหมือนกันว่าทำไมมีเรื่องแบบนี้ด้วย เพราะแผนการของกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้เตรียมไว้สำหรับกรณีของแรงงานไทยในเกาหลีใต้ที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย

สุดท้าย ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องเรียกประชุมด่วน ตั้งโต๊ะถกกันว่าด้วยประเด็นนี้โดยเฉพาะ บทสรุปออกมาชัด กรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายที่เดินทางกลับมาเมืองแทกูและเมืองอื่น ๆ ในจังหวัดคยองซัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดนั้น จะถูกกักตัวในพื้นที่จัดพิเศษ หรือพื้นที่ควบคุมโรคตามที่รัฐบาลกำหนด แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่อยากรู้อยากเห็นว่าเป็นที่ไหน อย่างที่ท่านผู้นำว่า ท้ายสุดนึกอะไรไม่ออกบอกทหาร ไม่ต้องกลัว คงหนีไม่พ้นเขตทหารนั่นแหละ

ส่วนคนที่เดินทางมาจากเมืองอื่น ตรงนี้ก็น่าจะเบาใจได้ เมื่อกระทรวงสาธารณสุขยืนยัน จะประสานนำส่งกลับไปยังพื้นที่ภูมิลำเนา โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้บริหารจัดการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ตอนนี้ถ้ากลับมาจากพื้นที่เสี่ยงทุกช่องทาง ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ได้มีการคัดกรองอย่างเข้มข้น โดยไม่เลือกว่าเป็นคนไทยหรือเป็นคนต่างชาติ

หากมีไข้จะถูกแยกกักตัวทันที ส่วนคนที่ไม่มีไข้จะมีการสังเกตอาการและกักตัวตามความเหมาะสมตามระยะเวลา โดยขณะนี้ค่าเฉลี่ยระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ 2-7 วัน แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดจะต้องกักตัวเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน โดยมีมาตรการติดตามทุกวัน ระหว่างนี้หากมีอาการจะถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลทันที ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะแพร่ระบาดหรือตรวจโรคไม่พบ ได้ฟังกันดังนี้ก็น่าจะเบาใจได้ในระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ มีประเด็นที่ชวนให้คิดจาก นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค อย่าลืมว่าคนเหล่านั้นเป็นคนไทย แต่ตอนนี้เหมือนว่ากำลังดำเนินการเหมือนว่าเป็นคนผิดแปลกไป ดังนั้น เมื่อเป็นคนไทยก็พยายามจัดพื้นที่ให้อยู่ใกล้ภูมิลำเนาหรือเรียกว่าพื้นที่ควบคุมโรคเฉพาะเท่านั้น  ไม่ต้องตามไปดูและตีตราว่าอยู่ที่ไหน ที่สังคมต้องช่วยกันคือต้องร่วมกันรับผิดชอบ คงไม่ต้องไปบอกต่อกันว่าคนที่กลับมานั้นจำเป็นต้องไปไล่ล่าเหมือนแม่มด เพราะสามารถที่จะจัดการให้คนเหล่านี้ไม่แพร่โรคและดูแลได้

ความจริงของสังคมไทยในยุคขัดแย้งกว่า 10 ปีที่ผ่านมาคือ การตีตรา-ล่าแม่มด” หากให้เข้ากับยุคสมัยก็เป็นเรื่องปฏิบัติการข่าวสารหรือไอโอ ที่ฝ่ายหนึ่งใช้ทุกวิถีทางเพื่อกล่าวหาโจมตี ยัดเยียด โดยให้ฝ่ายที่สนับสนุนร่วมกันประจานทุกช่องทาง ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีที่พึงกระทำสำหรับสังคมไทยที่มีความเอื้ออาทรกันมาอย่างยาวนาน ความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย ต้องเล่นกันให้ตายเหยียบกันให้จมดิน เว้นเสียแต่พวกหวงอำนาจที่พยายามทุกทางเพื่อไม่ให้คนเห็นต่างมีที่ยืนหรือเสนอหน้ามาตรวจสอบตัวเอง

การเผชิญกับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นโอกาสบนวิกฤติหากผู้มีอำนาจเลือกใช้ให้เป็น เราน่าจะได้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย แต่มาถึงวันนี้ยังไม่ได้เห็นความสามารถในด้านนี้ของคณะผู้บริหาร อาจจะเป็นเพราะต้องรับมือกับหลายเรื่องที่ประเดประดังเข้ามา โดยเฉพาะเวลานี้กับปมหน้ากากอนามัยที่ขาดตลาดและราคาก็ขยับสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ล่าสุด ท่านผู้นำสั่งเด็ดขาดตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ร้านค้ายันโรงงาน

เกิดการกักตุน ตัดตอนกันตรงไหน ถึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อย่างที่บอกทั้งที่เพิ่งประกาศเป็นสินค้าควบคุม ไฉนชาวบ้านจึงรู้สึกว่า ไม่ได้มีการควบคุมอะไร ทุกอย่างเหมือนตกไปอยู่ในการคอนโทรลของฝ่ายได้ประโยชน์ เมื่อเป็นเช่นนั้น มันย่อมหนีไม่พ้นข้อครหา ภาพของการเอื้อนายทุนเจ้าสัวมันฝังหัวของคนส่วนใหญ่ไปเสียแล้ว ดังนั้น ทุกเรื่องที่มันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล มันย่อมวกกลับมาเป็นคำถามตัวโตต่อท่านผู้นำและคณะสืบทอดอำนาจอย่างช่วยไม่ได้

การเมืองว่าด้วยเรื่องความเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ถ้ายังคงแสดงพลังอย่างต่อเนื่องและเหนียวแน่น การสร้างความสั่นคลอนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลสืบทอดอำนาจนั้นย่อมมีแน่ เพียงแค่ต้องรอจังหวะเท่านั้น อย่างช้าก็คือให้สถานการณ์โควิด-19 ซาลงไปก่อน แต่ที่ต้องระวังกันให้ดีคือ ประเด็นอ่อนไหวอันเกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติและการแสดงออกที่ไม่สุดโต่งจนเกินไปอย่างกรณีการชักธงสีดำ ของพรรค์นี้ฝ่ายจ้องรอให้พลาดเพื่อรุมขย้ำอยู่แล้ว ยิ่งมีสื่อเชลียร์รอใช้วิชาชั่วมาโหมประโคมช่วย ยิ่งต้องขยับกันด้วยความระมัดระวังอย่างเป็นพิเศษ

Back to top button