ค้อนหัวกลับ

*วันนี้ “โมนิก้า” ขอมาในแนวสัญญาณเทคนิคแบบหัวเอียงซ้ายสุดขั้ว เพราะต้องการเบรกอารมณ์หลังจากไปจุ้นจ้านเรื่องชาวบ้านมากเกินไป ผนวกกับช่วงนี้ต้องการให้แต่ละคนโชว์ของกันอย่างเต็มที่ จึงไม่อยากไปดับไฟของคนที่กำลังถูกดันขึ้นมาเป็นหุ่นเชิด..อุ๊ย..ความหวัง เพราะโลกของธุรกิจในทุกวันนี้เขาวัดกันที่ “กึ๋น” และความ “เก๋า” ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อย ๆ นะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้ “โมนิก้า” ขอมาในแนวสัญญาณเทคนิคแบบหัวเอียงซ้ายสุดขั้ว เพราะต้องการเบรกอารมณ์หลังจากไปจุ้นจ้านเรื่องชาวบ้านมากเกินไป ผนวกกับช่วงนี้ต้องการให้แต่ละคนโชว์ของกันอย่างเต็มที่ จึงไม่อยากไปดับไฟของคนที่กำลังถูกดันขึ้นมาเป็นหุ่นเชิด..อุ๊ย..ความหวัง เพราะโลกของธุรกิจในทุกวันนี้เขาวัดกันที่ “กึ๋น” และความ “เก๋า” ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อย ๆ นะจะบอกให้

*ประกอบกับทุกคนเห็นผลงานหุ้นกลุ่มการเงินในไตรมาส 2 ออกมาในแนวทรุดฮวบเกินครึ่ง น่าจะเข้าใจโอกาสที่ดัชนีจะไปต่อไม่ง่ายอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงมองการแกว่งตัวไปมาตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,358.29 จุด ลบไป 1.29 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.23 หมื่นล้านบาท โดยสัญญาณแท่งเทียนปรากฏรูปค้อนหัวกลับเห็นเด่นชัดมาแต่ไกลแบบนี้..อาการไม่ดีเลยนะคะ

*แม้ในช่วงบ่ายแก่ ๆ จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนี จนทำให้สัญญาณแท่งเทียนเปลี่ยนไปเป็นโดจิ แต่ภาพใหญ่ของสัญญาณดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงมองบรรดาผู้เล่นที่เข้ามาเคาะขวาเที่ยวนี้ น่าจะเป็นการเวียนหุ้นไปเรื่อย ๆ เพราะมองไม่เห็นปัจจัยใหม่ที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นไปอย่างแข็งแกร่ง จึงขอเลือกใช้วิธีค่อย ๆ ถอยฉากเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินพะย่ะค่ะ

*เหมือนกับสถานการณ์ของ KBANK ทรุดหนักรับข่าวกำไรหดตัวแรง มันเป็นเรื่องที่มองได้ทั้ง 2 ด้านคือ นี่เป็นการล้างบ้านให้สะอาดเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่จะดีขึ้นในอนาคต หรืออาจเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเห็นหนี้เสียของธนาคารแห่งนี้ปูดเป็นลูกมะกรูด “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นพิจารณาร่วมกับราคาหุ้นในกระดานที่ลงมาปิด 87 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.05 พันล้านบาทไงล่ะคะ

*คล้ายกับสถานการณ์ที่ SAWAD กำลังเผชิญในเวลานี้ ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลงานในงวดนี้จะออกมา “ดีกว่าคาด” หรือ “ต่ำกว่าคาด” และทำให้ในช่วงที่ผ่านมาโดนกระหน่ำขายชนิดโงหัวไม่ขึ้น เพราะทุกคนเดาไปในทางที่แย่ลงเป็นหลัก “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 50.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 533 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่โอเคเลยพับผ่าซิ!

*เช่นเดียวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ CPALL ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ชาวหุ้นต้องลุ้นระทึกตลอดเวลาเช่นกัน เพราะผลงานที่ย่ำแย่กลายเป็นตัวฉุดรั้งราคาหุ้นในกระดานอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงมองการทรุดตัวลงมาปิดที่ 66 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท น่าจะเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง เพราะของมันเห็นเต็มตาว่าไตรมาส 2 ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมดนะจะบอกให้

*ส่วนรายที่ค่อย ๆ ทำทางขึ้นมาอย่างช้า ก่อนจะโดนทุบเปรี้ยงเดียวลงมากองกับพื้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SQ เพื่อชี้ให้เห็นความกังวลที่มีต่อเรื่องกำไรทรุด ค่อนข้างรุนแรงเกินจะบรรยาย จึงอยากให้ทุกคนมองราคาปิดที่ระดับ 1.77 บาท ลบไป 0.31 บาท หรือลงไป 14.90% (ติดฟลอร์) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท น่าจะเป็นช็อตที่ต้องปล่อยให้แรงเทขายสะเด็ดน้ำเสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะเข้าไปช้อนหุ้นในภายหลังนะจ๊ะ

*ขนาดหุ้นโรงหมอ BDMS ที่บอกกันว่าแน่ ยังแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นเวลาเดือนครึ่ง “โมนิก้า” ถึงไม่อยากคาดหวังกับการวิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้มันกระเทือนไปหมดทุกหย่อมหญ้า จึงมองการยืนปิดที่ 22.10 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 211 ล้านบาท มันไม่มีอะไรแตกต่างจากที่ผ่านมาสักอย่าง เลยอยากเม้าท์ให้ฟังว่าในตลาดมีหุ้นที่เป็นแบบนี้เยอะเจ้าค่ะ

*อีกรายที่อยากให้แฟนคลับดูไว้เป็นอุทาหรณ์ คงมองไปที่หุ้นขายสุกี้ M เพื่อชี้ให้เห็นชีวิตที่เป็น new normal น่าจะกระทบโดยตรงกับสุกี้เจ้าดัง “โมนิก้า” ถึงเห็นราคาหุ้นไหลลงมาช้า ๆ จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 51.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104 ล้านบาท และพร้อมจะลงไปทดสอบโลว์เดิมที่ทำไว้บริเวณ 41 บาทแบบนี้..มันน่าซื้อตรงไหน ? ลองถามใจเธอดูนะคะ

Back to top button