• https://dewanarsitek.id/var/index/
  • https://ept.metropolitanland.com/
  • https://data.pramukajabar.or.id/
  • http://103.206.170.246:8080/visi/
  • https://mpp.jambikota.go.id/
  • https://lms.rentas.co.id/
  • https://utbis.ollinsoft.com/
  • https://bppsdmsempaja.kaltimprov.go.id/
  • https://fmipa.unand.ac.id/
  • https://sptjm.lldikti4.id/banner/
  • mbokslot
  • https://e-journal.faperta.universitasmuarabungo.ac.id/
  • https://link.space/@splus777
  • https://sptjm.lldikti4.id/storage/
  • https://apps.ban-pdm.id/simulasi/hoaks/
  • https://editoriales.facultades.unc.edu.ar/cache/assets/
  • https://dewanarsitek.id/dewan/
  • https://dms.smhg.co.id/assets/js/hitam-link/
  • https://smartgov.bulelengkab.go.id/image/
  • https://app.mywork.com.au/
  • slotplus777
  • https://heylink.me/slotplussweet777/
  • https://pastiwin777.uk/
  • Mbokslot
  • http://103.81.246.107:35200/templates/itax/-/mbok/
  • https://rsjdahm.id/vendor/
  • https://pastiwin777.cfd/
  • https://rsjdahm.id/Vault/
  • https://heylink.me/Mbokslot.com/
  • https://www.intersmartsolution.com
  • https://sikapro-fhisip.ut.ac.id/
  • โลกรอดูแผนพัฒนาใหม่จีน

    คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งนำโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เริ่มประชุมในกรุงปักกิ่งตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาและจะประชุมไปจนถึงวันที่ 29 ตุลาคมเพื่อถกเถียงถึงข้อเสนอที่จะพัฒนาชาติในช่วง 5 ปีข้างหน้า  หรือตั้งแต่ปี 2564-2568  การประชุมนี้ได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองทุกครั้ง แต่ในครั้งนี้มีความสำคัญและได้รับการจับตามองเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับจีนและทั่วโลก


    กระแสโลก : ฐปนี แก้วแดง

    คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งนำโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เริ่มประชุมในกรุงปักกิ่งตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาและจะประชุมไปจนถึงวันที่ 29 ตุลาคมเพื่อถกเถียงถึงข้อเสนอที่จะพัฒนาชาติในช่วง 5 ปีข้างหน้า  หรือตั้งแต่ปี 2564-2568  การประชุมนี้ได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองทุกครั้ง แต่ในครั้งนี้มีความสำคัญและได้รับการจับตามองเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับจีนและทั่วโลก

    การประชุมมีขึ้นหลังจากที่ การระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีต้นตอจากเมืองอู่ฮั่น ได้สร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก และจีนกับสหรัฐฯ ได้เกิดความตึงเครียดเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนาเพิ่มมาใหม่ทั้งที่ความตึงเครียดเรื่องการค้าและเทคโนโลยียังไม่มีทางออก ในขณะเดียวกัน ยังมีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี

    แต่เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้โลกต้องจับตามองแผนพัฒนาใหม่ของจีน น่าจะอยู่ที่การคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ชี้ว่า จีนจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกภายในสองสามปีข้างหน้านี้

    นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ การเติบโตของเศรษฐกิจจีนและอิทธิพลทางการเมืองได้เพิ่มมากขึ้นจนทำให้หลายประเทศเริ่มสะพรึงกลัว  จึงมีความสำคัญมากที่จะต้องจับตามองว่าจีนจะมีแผนริเริ่มอะไรใหม่ ๆ ต่อไปในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้

    รัฐบาลจีนได้กำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทุก 5 ปี และในปีนี้เป็นแผนพัฒนาฉบับที่ 14 แล้ว และรัฐบาลจีนกำลังจะเดินไปถึงหลักไมล์ นั่นคือ การครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 2564

    เจ้าหน้าที่จีนได้สัญญาว่าจะสร้าง “สังคมที่รุ่งเรืองพอประมาณ” ภายในปีหน้า และจากนั้นในปี 2565  จะมีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ซึ่งจะเปิดเผยแผนการเกี่ยวกับความเป็นผู้นำในอนาคตของสี จิ้นผิง

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้กำหนดเวลาเพื่อพัฒนาเป้าหมายต่าง ๆ อีกหลายอย่าง  เช่น แผน “เมด อิน ไชน่า 2025” ที่จะมีอิทธิพลในภาคไฮเทคโนโลยีและภาคผลิตที่สำคัญ ๆ  และแผน “ไชน่า สแตนดาร์ด 2035” ที่จะกำหนดมาตรฐานทั่วโลกเกี่ยวกับเทคโนโลยีชั้นนำ

    เนื้อหาในขั้นสุดท้ายของแผนพัฒนา 5 ปีที่มีการหารือกันในสัปดาห์นี้ จะเปิดเผยก็ต่อเมื่อมีการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติในเดือนมีนาคมปีหน้า  แต่ก็ได้มีการคาดการณ์กันออกมาบ้างแล้วว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง

    นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า รัฐบาลปักกิ่งจะเน้นย้ำถึงแนวทางในการสร้างความมั่นคงของชาติในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมเทคโนโลยี  ในขณะเดียวกันก็จะประกาศมาตรการเพื่อหนุนการบริโภคภายในประเทศ

    นักเศรษฐศาสตร์ของ ดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (EIU) คาดการณ์ว่า แผนห้าปีใหม่จะเน้นไปที่การสนับสนุนเทคโนโลยี เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และจะมีการหารือเพื่อสร้างความยืดหยุ่นด้านความมั่นคงทางพลังงานแทนที่จะพึ่งพาการนำเข้าปิโตรเลียม และสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงทางอาหารในยามที่มีความตึงเครียดทางการค้ากับประเทศเกษตรกรรม และการขาดแคลนเนื้อหมู ซึ่งเป็นอาหารหลักของครัวเรือนจีน

    ส่วนในทางสังคม คาดว่าจีนจะหาทางเพิ่มการบริโภคมากขึ้น เช่น เลิกจำกัดจำนวนบุตร  ซึ่งนโยบายนี้ต้องจับตามองเป็นพิเศษเนื่องจากจะมีผลต่อการเติบโตของจีนในระยะกลางถึงระยะยาว

    นอกจากนี้ยังคาดว่า แผนพัฒนาที่จะคลอดออกมานี้จะให้การสนับสนุนมากขึ้นในด้านสาธารณสุข การศึกษา กีฬา วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว  การขยายการเติบโตของศูนย์กลางเมืองใหญ่ ๆ ที่มีอยู่แล้ว และยังมีเป้าหมายอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ประชากร 1,400 ล้านคน พอใจกับคุณภาพชีวิตภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน

    ภายใต้แผนพัฒนาฉบับที่ 13 (ปี 2559-2563) จีนให้ความสำคัญกับการพึ่งพาการบริโภคเพื่อสร้างการเติบโตมากขึ้น แทนที่จะพึ่งพาการส่งออก แต่เมื่อดูจากการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่จีนหลายคนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้มีการพูดถึงแนวคิด “การหมุนเวียนคู่” (dual circulation) ที่น่าจะเป็นแนวคิดในแผนพัฒนาใหม่

    แนวคิดนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างกว้าง ๆ คือ “การหมุนเวียนภายใน (internal circulation) ที่เน้นการเติบโตของตลาดภายในประเทศ และ “การหมุนเวียนภายนอก” (external circulation) หรือการค้ากับประเทศอื่น ๆ

    นักวิจัยของแบงก์ ออฟ ไชน่า มองว่าในช่วงห้าปีข้างหน้า จีนจะเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพสูง ดังนั้นอาจจะมีความเร็วในการเติบโตไม่มากเท่ากับก่อนหน้านี้ และยังมองว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมีความสำคัญต่อจีนที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ไปอยู่ในระดับใหม่และหลีกเลี่ยง “กับดักรายได้ปานกลาง” ที่ประเทศสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่อาศัยต้นทุนแรงงานราคาถูกแต่ไม่สามารถสร้างนวัตกรรมได้เร็วเพียงพอที่จะทำให้ค่าแรงสูงขึ้นและสร้างโอกาสในการเติบโตให้มากขึ้นได้

    นักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่า แผนพัฒนา 5 ปี ฉบับที่ 14 นี้ ไม่ได้เป็นแค่แผนพัฒนา 5 ปีข้างหน้าเท่านั้น แต่ยังเป็นแผนพัฒนาสำหรับ 30 ปีข้างหน้า

    ประมวลจากการคาดการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับแผนพัฒนาใหม่ของจีนแล้ว เชื่อว่า จีนยังไม่มีนโยบาย “ปิดประตูตาย” แล้วหันหลังเข้าบ้านเสียทีเดียว แต่น่าจะเปิดประตูเพิ่ม รับการแข่งขันและทุนต่างชาติ ซึ่งสะท้อนว่าจีนก็มีความกังวลอยู่เหมือนกันว่า โลกจะมีมุมมองอย่างไรต่อแผนพัฒนาใหม่ของประเทศ  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เชื่อว่า แผนพัฒนาใหม่จะมีความชัดเจนน้อยลงและไม่เฉพาะเจาะจงเหมือนแผนพัฒนาฉบับก่อน ๆ

    ไม่ว่าจีนจะเดินหน้าไปในทิศทางใด อิทธิพลและความยิ่งใหญ่ของจีน จะมีผลต่อโลกเสมอและมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ    อีกไม่นานเกินรอ ก็จะได้รู้ว่า จีนจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกภายในสองสามปีข้างหน้านี้ ตามที่นักเศรษฐศาสตร์และไอเอ็มเอฟได้คาดการณ์หรือไม่  

    Back to top button