พาราสาวะถี

มารอลุ้นกันว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงวิจารณ์จนหูชาเรื่องการแจกเงินเยียวยา 3,500 บาทสองเดือนกับกลุ่มเป้าหมาย 31.1 ล้านคนที่บังคับให้ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังอย่างเดียว ซึ่งหมายถึงว่าคนเหล่านั้นต้องมีสมาร์ตโฟนเท่านั้นถึงจะใช้เงินจำนวนดังกล่าวได้ หลังการเข้าพบผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จะมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มวิธีการใช้เงินหรือไม่


อรชุน

มารอลุ้นกันว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงวิจารณ์จนหูชาเรื่องการแจกเงินเยียวยา 3,500 บาทสองเดือนกับกลุ่มเป้าหมาย 31.1 ล้านคนที่บังคับให้ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังอย่างเดียว ซึ่งหมายถึงว่าคนเหล่านั้นต้องมีสมาร์ตโฟนเท่านั้นถึงจะใช้เงินจำนวนดังกล่าวได้ หลังการเข้าพบผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จะมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มวิธีการใช้เงินหรือไม่

เพราะกับคำถามของนักข่าวต่ออาคมที่ว่าจะมีการแก้ปัญหาโดยแจกเป็นคูปองแทนหรือไม่ คำตอบที่ได้คือ“ขอให้รอดู” นั่นหมายความว่า มีโอกาสที่จะเพิ่มวิธีการใช้เงินเข้าไป นอกเหนือจากรูปแบบเดิมแบบเดียว ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นเป็นคนที่ฟังเสียงรอบข้าง โดยเฉพาะกับการโจมตีที่ทำลายคะแนนนิยมของตัวเอง เราจึงได้เห็นการถอยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยกันมาแล้วหลายครั้งหลายหน กรณีนี้ก็น่าจะเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม จะด้วยความที่เป็นรัฐบาลเผด็จการมาเกือบ 7 ปี ที่ไม่ชอบให้ใครมาชี้นำหรือตรวจสอบหรือยังไงไม่ทราบ บางเรื่องจึงไม่ยอมที่จะชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัด จนเมื่อถูกโจมตีหรือตั้งข้อคำถามแบบหนัก ๆ จึงจะตาลีตาเหลือกมาอธิบาย ซึ่งก็ยังมีการกั๊กข้อมูลไว้ ไม่บอกความจริงต่อประชาชนทั้งหมด เหมือนประเด็นเรื่องของวัคซีนโควิด-19 ที่ หลังการไลฟ์สดของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งตามมาด้วยคดีความตามม.112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เราจึงได้ฟังคำชี้แจงจากฝั่งผู้เกี่ยวข้องทางกระทรวงสาธารณสุข

แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้ชัดเจนหรือเคลียร์อย่างที่คนส่วนใหญ่คาดหวัง ด้วยเหตุนี้ อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต จึงโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงข้อกังขาต่อการทำงานของรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่า “ประหลาดจริง!” แค่ธนาธรคนเดียวพูดแบบไม่รู้จริง รัฐบาลทั้งรัฐบาลและผู้รู้จริงทั้งประเทศไม่มีปัญญาชี้แจงอธิบายให้คนเข้าใจได้ แถลงต้องทำในเชิงรุก และให้เข้าถึงทุกคนที่ยังไม่เข้าใจ ไม่ใช่ทำแบบแถลงการณ์ของทางราชการที่สักแต่ว่าแถลง

ไม่เพียงเท่านั้น ยังตบท้ายด้วยการกระแทกไปยังการทำงานของกรมกร๊วก ด้วยว่า รูปแบบการนำเสนอเป็นไปในแบบวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยที่ไม่มีใครฟังและสนใจหรือแม้แต่ได้ยิน น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน ทั้งที่มีทั้งคนดีและคนเก่งเกาะขบวนสืบทอดอำนาจกันจำนวนมาก แต่เหตุใดเรื่องที่เต็มไปด้วยข้อเท็จจริง จึงไม่มีใครสามารถอธิบายให้สาธารณชนได้เข้าใจโดยปราศจากข้อสงสัยได้ หรือเป็นเพราะมันมีลับลมคมในจริง ๆ

ทั้งที่ตั้งโต๊ะแถลงกันไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นำทีมโดย นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิตร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมด้วย นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แต่ปรากฏว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เรียกผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติเข้าพบเพื่อสอบถามสาเหตุที่กระทรวงสาธารณสุขยกเลิกการแถลงข่าวเกี่ยวกับการรับมอบทะเบียนวัคซีนจากบริษัท แอสตร้า เซนเนก้า จำกัด

โดยมีรายงานข่าวว่า การเข้าพบเลขาฯ นายกรัฐมนตรีของผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาตินั้น เป็นเพราะเจ้าตัวได้ปรารภกับคนใกล้ชิดว่า กรณีที่ต้องยกเลิกแถลงข่าวเป็นเพราะทางบริษัท แอสตร้า เซนเนก้า มีความกังวล หลังธนาธรกดดันให้มีการเปิดสัญญาการจัดซื้อวัคซีนกับรัฐบาลไทย จนทำให้บริษัทดังกล่าวที่เป็นบริษัทมหาชนในประเทศอังกฤษเกิดความไม่สบายใจ เพราะไม่อยากพัวพันกับการเมือง จึงไม่อนุญาตให้ผู้แทนของบริษัทประจำประเทศไทยร่วมแถลงข่าว

นอกจากนั้น ยังมีประเด็นอีกว่า หลังจากนี้บริษัทดังกล่าวอาจพิจารณาทบทวนท่าทีต่อการผลิตและการส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยตามแผนเดิม ซึ่งคาดการณ์ว่า การเข้าพบดังกล่าวผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติน่าจะจะนำเหตุผลไปชี้แจงต่อเลขาธิการนายกฯ อย่างไรก็ตาม ในค่ำวันเดียวกัน ทางสถาบันวัคซีนฯ ก็ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อการเข้าพบดังกล่าวโดยที่มีเลขาธิการอย.เข้าพบร่วมด้วยว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้อ้างรายงานข่าว

โดยในแถลงการณ์ระบุว่า เป็นการเข้าร่วมชี้แจงในเรื่องกระบวนการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีขั้นตอนของกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างไร และการควบคุม กำกับคุณภาพของวัคซีนที่จะมีผู้มาขอขึ้นทะเบียนไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการแถลงข่าวใด ๆ และไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองหรือความไม่พอใจของบริษัท แอสตร้า เซนเนก้า แต่อย่างใด พร้อม ๆ กับมีการเรียกร้องให้สื่อมวลชนรักษาจรรยาบรรณและการเป็นนักสื่อสารที่ดีไม่ควรเสนอข่าวที่ไม่มีแหล่งข่าวที่อ้างอิงได้

หนักข้อไปกว่านั้น ในแถลงการณ์ยังแสดงความเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ดีด้วยการเรียกร้องให้สื่อลบข่าวเท็จออกจากช่องทางสื่อสารทั้งหมดด้วย ในเมื่อไม่ได้เป็นเรื่องจริง ทำไมจึงไม่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้วตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนให้เป็นเรื่องเป็นราว ทำไมต้องออกเป็นแถลงการณ์เสมือนการหลีกเลี่ยงการที่จะตอบคำถาม เพราะทุกครั้งกับประเด็นที่สังคมสงสัยโดยเฉพาะกรณีวัคซีนก็จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการทุกครั้ง ยิ่งชวนให้สงสัยกันเข้าไปอีก

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ในเมื่อทุกอย่างเป็นการดำเนินไปด้วยความโปร่งใส ถ้าฝ่ายบริษัทมหาชนจากแดนผู้ดีไม่ได้มีปัญหา ก็ย่อมที่จะสามารถเปิดเผยเอกสาร หลักฐานการเซ็นสัญญาต่าง ๆ ให้สังคมได้รับรู้ เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป จะได้ไม่ตกเป็นขี้ปากของใคร และแสดงให้เห็นว่ากระบวนการดำเนินการในเรื่องที่สำคัญของประเทศ และมีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตของสุขภาพของประชาชนนั้น รัฐบาลนี้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างสุดความสามารถ โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เมื่อไม่มีประเด็นทางการเมืองและไม่มีเรื่องแปดเปื้อนใด ๆ ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ ให้เป็นที่สงสัยแต่อย่างใด

Back to top button