KBS น้ำตาลหวานเจี๊ยบ

กลายเป็นหุ้นน้ำตาลหวานเจี๊ยบขึ้นมาในบัดดล..!! สำหรับบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS หลังประกาศงบไตรมาสแรกปีนี้ โชว์กำไรสุทธิโตระเบิดเถิดเทิงถึง 3 เท่าตัว หรือ 350.3% แตะ 216 ล้านบาท จากปีก่อนเคยทำได้ 47 ล้านบาท


สำนักข่าวรัชดา

กลายเป็นหุ้นน้ำตาลหวานเจี๊ยบขึ้นมาในบัดดล..!! สำหรับบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS หลังประกาศงบไตรมาสแรกปีนี้ โชว์กำไรสุทธิโตระเบิดเถิดเทิงถึง 3 เท่าตัว หรือ 350.3% แตะ 216 ล้านบาท จากปีก่อนเคยทำได้ 47 ล้านบาท

ที่จริงไตรมาสแรกของทุกปี ถือเป็นช่วงที่หวานที่สุดของหุ้นน้ำตาล เนื่องจากเป็นช่วงเปิดหีบอ้อย จึงมีผลผลิตค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับช่วงอื่น ๆ…แต่ใครจะหวานมากหวานน้อยก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละบริษัท…

ส่วนกรณี KBS สาเหตุที่งบไตรมาสแรกโตกระฉูดนั้น มาจากกำไรขั้นต้นจากส่วนงานผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายและบริการอยู่ที่ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125 ล้านบาท หรือคิดเป็น 89.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 140 ล้านบาท

เนื่องจากรายได้จากการขายกากน้ำตาลเพิ่มขึ้น 174 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85.9% เนื่องจากปริมาณการขายกากน้ำตาลเพิ่มขึ้น 47.7% และราคาขายเฉลี่ยกากน้ำตาลเพิ่มขึ้น 25.9%…ก็สอดคล้องกับความต้องการใช้เอทานอลที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในช่วงที่สถานการณ์โควิดยังรุนแรง

รวมทั้งมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร น้ำมัน และค่าบริการจักรกลหนักทางการเกษตร เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85.6%

ขณะที่กำไรขั้นต้นจากส่วนงานสาธารณูปโภคอยู่ที่ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65 ล้านบาท หรือคิดเป็น 130.5% จากเดิมทำได้ 50 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐเพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.6%

นอกจากนี้ KBS ยังมีผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสัญญาซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้าจำนวน 5 ล้านบาท จากเดิมเคยขาดทุนที่ 17 ล้านบาท รวมทั้งมีรายได้จากเงินปันผลจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี หรือ KBSPIF เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท และมีรายได้รับจากดอกเบี้ยจากการรับชำระหนี้จากชาวไร่เพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาท อีกด้วย

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายลดลง 18 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.2% จากปริมาณขายที่ลดลง

จากปัจจัยข้างต้น จึงทำให้ KBS กลายเป็นหุ้นน้ำตาลหวานเจี๊ยบไปโดยปริยาย…สะท้อนได้จากวานนี้ (11 พ.ค.) มีแรงเก็งกำไรกันคึกคัก ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นไป 21.53% ปิดตลาดที่ระดับ 5.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55 ล้านบาท

แต่จะว่าไปความท้าทายของ KBS และหุ้นน้ำตาลตัวอื่น ๆ อยู่ตรงที่จะคอนโทรลผลประกอบการให้เสถียรได้อย่างไร..?

ขณะที่ตัวการที่ฉุดผลประกอบการมักมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ราคาน้ำตาลตลาดโลกที่ผันผวน และสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งกระทบต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งใครจะกระทบมากหรือกระทบน้อยก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนการส่งออก

โดยทั้ง 2 ปัจจัยล้วนเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม..!! จึงทำให้หุ้นน้ำตาลบางช่วงก็หวานเจี๊ยบ บางช่วงอ่อนหวาน หรือบางช่วงก็ขมปี๋ไปเลย…

แต่จะหวานเป็นลมขมเป็นยา หรือเปล่านั้น…อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน…

เอาเป็นว่า ใครใคร่ซื้อ…ซื้อ ส่วนใครใคร่ขาย…ขาย เอาที่สบายใจละกัน…

…อิ อิ อิ…

Back to top button