พาราสาวะถีอรชุน

สังคมคนดีนั้นมันแคบ การเลือกสรรคนที่จะมาทำหน้าที่สำคัญๆในองคาพยพแม่น้ำ 5 สายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงวนเวียนอยู่กับรายชื่อไม่กี่รายชื่อ อย่างเช่นกรณีของประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือกรธ.ที่ล่าสุดเหลือเพียงแค่ มีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคสช. กับ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น


สังคมคนดีนั้นมันแคบ การเลือกสรรคนที่จะมาทำหน้าที่สำคัญๆในองคาพยพแม่น้ำ 5 สายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงวนเวียนอยู่กับรายชื่อไม่กี่รายชื่อ อย่างเช่นกรณีของประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือกรธ.ที่ล่าสุดเหลือเพียงแค่ มีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคสช. กับ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

เดิมทีเข้าใจว่ารายของผู้ดีรัตนโกสินทร์ ซึ่งเคยได้ฉายา”หอยลืมเปลือก”เพราะไม่ยอมฟังคำสั่งของรสช.น่าจะปฏิเสธและมีความเป็นไปได้น้อย แต่พอมองถึงท่าทีที่พูดถึงประชาธิปไตยไม่ได้มีแค่เลือกตั้งอย่างเดียว ก็น่าจะติ๊ต่างได้ว่าคอเดียวกันกับคสช. ขณะเดียวกันบนความเชื่อของกลุ่มสนับสนุนเห็นว่าหากได้อานันท์มานั่งประธานกรธ.จริงก็น่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของคณะผู้ยึดอำนาจดีขึ้นบ้าง

                แต่หากต้องการมือกฎหมายชั้นครู เนติบริกรสั่งได้มีชัยย่อมเป็นคำตอบสุดท้าย ปัญหาอยู่ที่ว่าบิ๊กตู่ได้มอบหมายให้ วิษณุ เครืองาม ไปกล่อมพี่ใหญ่ของตัวเองสำเร็จหรือไม่ ซึ่งคงไม่ใช่แค่คุยให้มีชัยยอมรับเก้าอี้อย่างเดียว คงต้องเคลียร์ใจกับน้องเล็กอย่าง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ด้วย ที่เคยพูดว่าพี่น้องย่อมไม่แย่งชิงเมืองกัน ขอให้ลืมไปก่อน คิดเสียว่าพี่ไม่เคยพูดก็แล้วกัน

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงความพลิกพลิ้วแล้ว คงไม่มีใครเกิน พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตั้งแต่กรณีเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ที่วันหนึ่งบอกไว้ว่ากรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 109 คนกลับจีนเป็นสาเหตุสำคัญแต่อีกวันบอกว่าไม่ได้พูด ล่าสุด ก็กรณีของ จิตภัสร์ กฤดากร ตอนเช้าให้สัมภาษณ์น้องตั๊นไม่มีคุณสมบัติในตำแหน่งที่สมัคร พอตอนเย็นก็เป็นหนังคนละม้วน

ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการสีกากีเป็นเสียอย่างนี้แล้วพี่น้องประชาชนจะหวังพึ่งพิง เชื่อถือในสิ่งที่พูดได้มากน้อยขนาดไหน แต่หากมองอย่างเข้าใจครั้งแรกที่พูดในฐานะผู้บังคับบัญชาตำรวจทั้งประเทศคงต้องการลดกระแสต่อต้าน เพราะเห็นการผูกริบบิ้นดำทั่วประเทศแล้วไม่ธรรมดา ทว่าหลังจากนั้นเห็นท่าทีคนใหญ่คนโตเขากางปีกปกป้องน้องตั๊นกันขนาดนั้น ต้องรีบกลับตัวแบบไม่กลัวเสียหน้าไม่ห่วงศักดิ์ศรีกันเลยทีเดียว

ว่ากันถึง กระบวนการปฏิรูปที่จะขับเคลื่อนผ่านสปท.หรือแม้กระทั่งผ่านการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยกรธ.เองก็ดี สิ่งที่หลายคนตั้งคำถามหนีไม่พ้น การเปิดกว้างยอมรับความเห็นที่หลากหลายจะเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน เนื่องจากท่วงทำนองของคนในรัฐบาลแม้กระทั่งคนที่คิดว่าน่าจะเข้าใจการเมืองอย่าง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังตวาดนักข่าวต่างชาติอย่างริอ่านมาเสนอหน้า

จน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องสะกิดเตือน อยากให้ใจเย็น เห็นใจว่าทุกคนที่ทำงานย่อมมีแรงกดดัน คนที่ตั้งใจดีเมื่อถูกวิจารณ์ก็หงุดหงิดได้ แต่ต้องช่วยกันเปิดสังคมให้ยอมรับความเห็นต่าง หมดยุคผูกขาดความถูกต้องอยู่ที่ตัวเองหรือคิดเพียงว่าตั้งใจดีแล้วคนอื่นวิจารณ์ไม่ได้ ส่วนเรื่องใส่ร้ายป้ายสีหรือมีอะไรแอบแฝงก็ว่าไปตามกฎหมาย

เป็นการแตะเบรกกันเบาๆ แต่ถ้าจะมองในภาพใหญ่ คงต้องยกเอาคำเทศนาของพระพยอมที่สั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาไว้วันก่อนมาเป็นเครื่องเตือนใจ ถ้าประชาชนไม่รู้สึกว่ารัฐบาลเป็นของตน จะเกลียดชังขับไล่จนรัฐบาลไม่มีกำลังใจที่จะปฏิบัติงานเพื่อชาติบ้านเมือง เช่นเดียวกัน ถ้ารัฐบาลไม่รู้สึกว่าประชาชนเป็นของตนก็จะหาทางกลั่นแล้ง ข่มขู่ เรียกเข้ามาทำอย่างโน้นอย่างนี้จนวุ่นวายไปหมด

ดังนั้น ถ้าอยากให้บ้านเมืองเจริญ ช่วยทำในยอมรับหน่อยได้ไหมว่ารัฐบาลนี้เป็นของเรา รัฐบาลก็ควรใจถึง ใจกว้างหน่อย ยอมรับประชาชนที่เห็นต่างและมองเห็นว่าเขาก็เป็นประชาชนพลเมืองของรัฐบาลเรา ถ้ารัฐบาลรู้สึกว่าประชาชนเป็นของเรา ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเป็นของตน บ้านเมืองจะต้องก้าวข้ามพ้นวิกฤตโดยไวอย่างแน่นอน

ช่วยทำใจหน่อยได้ไหมว่า เป็นประชาชนของเรา ไม่ใช่ศัตรูของเรา เป็นรัฐบาลของเรา ไม่ใช่ศัตรูของเรา ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องยอมรับรัฐบาล รัฐบาลก็หยุดที่จะมองประชาชนเป็นฝ่ายตรงข้าม เปลี่ยนทัศนคติ อย่าไปปรับทัศนคติประชาชนอย่างเดียว ถ้าจะปรับก็ให้รัฐบาลปรับทัศนคติที่มีต่อประชาชนด้วย เพราะประชาชนไม่มีโอกาสเรียกรัฐบาลไปปรับทัศนคติ

อีกความเห็นที่น่าสนใจคือ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีไอซีที ที่มองว่า ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมีหลายครั้งที่เกิดการยึดอำนาจแล้วนำอำนาจดังกล่าวมาสร้างกติกาที่ไม่เป็นธรรม หรือพยายามสถาปนาระบบใหม่ๆที่คิดว่าทำให้ฝ่ายตนได้เปรียบเพื่อนำมาใช้ แต่สุดท้ายระบบไหนๆก็ไปไม่รอด เพราะมันฝืนธรรมชาติ

ทางออกที่ดีที่สุดคือการยึดโยงกับประชาชนให้ได้มากที่สุด อย่าเอาอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงอำนาจของประชาชน อย่าเอาการลากตั้งมาแทนการเลือกตั้ง เพราะกติกาแบบนั้นไม่ใช่วิถีทางในระบอบประชาธิปไตย วันนี้เหล่าเยาวชนลูกหลานของเรายังเข้าใจได้เลยว่า อะไรคือประชาธิปไตยแท้จริงอย่างที่ควรจะเป็น

สิ่งที่บ่นมานั้นเป็นความหวังดีต่อท่านผู้นำสูงสุดและผู้มีอำนาจทุกคน ที่ควรรับฟังความเห็นให้รอบด้าน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการบริหารและเกิดอานิสงส์กับประชาชนทุกคน เช่นเดียวกันกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ ถ้ายังอยากให้พลเมืองเป็นใหญ่ ก็อย่ากลัวความคิดเห็นของประชาชน ต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและรับฟังความคิดของทุกคน

หากยังยึดถือกระบวนการเหมือนอย่างที่ผ่านมา การยกร่างรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้อาจจะเป็นเหมือนอย่างที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.บอกไว้ คนที่จะมาเป็นประธานกรธ.มีแค่คนเดียวก็คือบิ๊กตู่นั่นเอง อยากให้บ้านเมืองสงบแบบไหน อยากได้ประชาธิปไตยอย่างไร และจะปฏิรูปกันในแนวทางใด รับรองทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการเป๊ะ

Back to top button