เสียหาย & เสียโอกาส

มาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพและปริมณฑล โดยรัฐบาลประกาศให้มีการหยุดงานก่อสร้าง (ปิดแคมป์ก่อสร้าง) โครงการต่าง ๆ อย่างน้อย 30 วันในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 6 จังหวัด (กทม.-นครปฐม-นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรปราการ-สมุทรสาคร) เริ่มตั้งแต่ 28 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา


มาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพและปริมณฑล โดยรัฐบาลประกาศให้มีการหยุดงานก่อสร้าง (ปิดแคมป์ก่อสร้าง) โครงการต่าง ๆ อย่างน้อย 30 วันในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 6 จังหวัด (กทม.-นครปฐม-นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรปราการ-สมุทรสาคร) เริ่มตั้งแต่ 28 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา

นั่นทำให้ส่งผลกระทบเชิงลบกับ “ห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชน” ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงผู้ค้าส่ง ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างทันที…อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..!!

หนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่สะท้อนเรื่องนี้ตรงจุดและชัดเจนมากสุด คือ “ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ระบุว่า การปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง หมายถึง “การหยุดผลิต” ด้วยความที่สายพานการผลิตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถูกตัดทิ้ง จากการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง นั่นจึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการ รวมถึงระบบเศรษฐกิจของไทยไปด้วย

ในแง่ผลกระทบของผู้ประกอบการ นั่นคือ 1) ไม่มีสินค้าในการขาย เพราะถูกตัดสายพานการผลิต ส่งผลให้ไม่มีรายได้ 2) โครงการที่จะสร้างรายได้ในอนาคตจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะขณะที่หยุดการก่อสร้างโครงการ แต่ว่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ยังต้องมีอย่างต่อเนื่อง 3) โครงการใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัว ต้องเลื่อนแผนเปิดช้าลง เนื่องจากการหยุดก่อสร้างในส่วนที่จะเปิดตัว 4) โครงการใหม่ ๆ ที่จะเร่งก่อสร้าง เพื่อหนีฤดูฝน เช่น ส่วนงานถมดิน ไม่สามารถทำได้

ขณะที่ ปิยะ ประยงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า กรณีสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 1 เดือน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก โดยยอดโอนกรรมสิทธิ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมน่าจะหายไปประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาทต่อเดือน เช่นเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินความสูญเสียต่อมูลค่างานและยอดขายภาคการก่อสร้าง อยู่ที่ประมาณ 36,200 ล้านบาท

จากข้อมูลดังกล่าว “การปิดแคมป์ก่อสร้าง” นำมาซึ่งความ “เสียหาย” และ “เสียโอกาส” ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่สำคัญยิ่งเป็นการตอกย้ำ “ความซบเซา” ของธุรกิจนี้มากขึ้นไปอีก หลังจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต้องเผชิญกับ “กำลังซื้อหดตัวอย่างหนัก” จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา

บริบทของ “ความเสียหาย” นั่นหมายถึงยอดโอนที่พึงจะได้รับช่วงไตรมาส 3/2564 โดยเฉพาะโครงการที่ดำเนินการไปแล้ว 80-90% ที่กำลังเห็นภาพของ “กระแสเงินสด” ที่จะไหลเข้าจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อมาหล่อเลี้ยงสภาพคล่องและปลดเปลื้องภาระดอกเบี้ยที่หนักอึ้งบางส่วนออกไป

พร้อมกันนี้ต้อง “เสียโอกาส” กับการเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อต่อยอดจากโครงการเดิมที่บางรายมีการโอนออกไปบางส่วน หรือบางรายอาจปิดโครงการเดิมไปแล้ว “การปิดแคมป์ก่อสร้าง” นั่นหมายถึง “ปิดโอกาสเปิดโครงการใหม่” ไปในคราวเดียวกัน ที่สำคัญไม่มีใครการันตีได้เลยว่าหลัง 30 วัน “แคมป์ก่อสร้าง” จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่..!?

น่าเป็นห่วง “การตัดสายพานการผลิต” ในห่วงโซ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้จะนำไปสู่ “การขาดสภาพคล่อง” ครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการ..แหละนั่นจะนำไปสู่ “วิกฤตซ้ำวิกฤต” จนยากที่จะฟื้นในที่สุด…!!??

Back to top button