เม่าลุยไฟ

* หากถามความรู้สึกส่วนตัวของ “โมนิก้า” ที่มีต่อการขยับตัวของดัชนีแบบเปิดใจหมดเปลือก คงต้องบอกกันตามตรงว่า รู้สึกประหม่าทุกครั้งที่เห็นดัชนีทะยานสวนทางความเป็นจริง ผนวกกับไซเคิลของหุ้นเป็นแบบ “ขึ้นเพื่อลง” เป็นส่วนใหญ่ เดี๊ยนถึงมองเกมหุ้นเที่ยวนี้เป็นเรื่องของใจแมงเม่าล้วน ๆ ผสานกับนักเล่นส่วนใหญ่ยังกระเป๋าหนัก จึงใช้ยุทธวิธีทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่องไงล่ะจ๊ะ


* หากถามความรู้สึกส่วนตัวของ “โมนิก้า” ที่มีต่อการขยับตัวของดัชนีแบบเปิดใจหมดเปลือก คงต้องบอกกันตามตรงว่า รู้สึกประหม่าทุกครั้งที่เห็นดัชนีทะยานสวนทางความเป็นจริง ผนวกกับไซเคิลของหุ้นเป็นแบบ “ขึ้นเพื่อลง” เป็นส่วนใหญ่ เดี๊ยนถึงมองเกมหุ้นเที่ยวนี้เป็นเรื่องของใจแมงเม่าล้วน ๆ ผสานกับนักเล่นส่วนใหญ่ยังกระเป๋าหนัก จึงใช้ยุทธวิธีทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่องไงล่ะจ๊ะ

* เมื่อรูปการออกมาในแนวลุยดะ และยังจะพร้อมชนทุกอย่าง “โมนิก้า” เลยไม่วอรี่กับสไตล์การเล่นของพลพรรคแมงเม่า เพราะสามารถแบกความเสี่ยงได้อย่างเต็มใจ และยังรู้ว่า กรอบใหญ่ที่เล่นกันเป็นประจำอยู่ในระดับ 1,500-1,600 จุด ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้รู้ลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ปีนี้ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวแถวนี้เป็นหลัก จึงเหมาะต่อการเล่นเก็งกำไรเป็นรอบ ๆ นะจะบอกให้

* ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวผันผวนหนักตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,552.09 จุด บวกไป 8.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.52 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นภาพสะท้อนอารมณ์ของนักเล่นในแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ แมงเม่ากว้านหุ้นในกระดานเข้าพอร์ต 3 วันติด ไล่ตั้งแต่วันพุธ 2.70 พันล้าน ถัดมาวันพฤหัสฯ  2.80 พันล้าน และวันศุกร์ 518 ล้าน..สะท้อนอะไร ลองไปคิดกันดูเจ้าค่ะ

* เหมือนกับการเด้งกลับของหุ้นแบงก์สีเขียว KBANK ทั้งที่ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ ย่อมเป็นเรื่องที่เดี๊ยนรับไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า หนี้เสียจ่อผุดเป็นดอกเห็ด และเศรษฐกิจจะซบเซาไปอีกนาน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 114 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.84 พันล้านบาท ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับเม่าจริงเหรอ?

* เช่นเดียวกับการร่วงของหุ้นคอมพิวเตอร์ COM7 ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ทันทีว่า ธุรกิจผ่านจุดพีคไปแล้ว บวกกับบรรดาขาใหญ่เปิดตูดกันเป็นแถว  จึงไม่มีใครคอยค้ำยันราคาหุ้นอีกต่อไป ส่งผลให้หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 66.25 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.18 พันล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณของการจบรอบอย่างแท้จริง คนที่คิดจะเล่นต้องเตรียมใจรับแรงกระแทกให้ดีนะคะ

* ส่วนคนที่พร้อมเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองไปที่หุ้น MENA เป็นตัวเลือกแรกสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ เพราะการวิ่งสวนภาวะขึ้นไปถึง 2.18 บาท ก่อนจะลงมายืนปิดที่ระดับ 2.06 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 13.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 795 ล้านบาท มันคือช็อตการเล่นเก็งกำไรแบบสุดซอย และเหตุการณ์น่าจะดำเนินในลักษณะนี้ต่อไปอีกสักพักหนึ่งก็เท่านั้นเองจ้า!

* ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเอ่ยถึง XPG เพื่อสอดรับกับวิถีนักเทรดดิ้งในทันที เพราะการขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 8 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 167 ล้านบาท ก็เป็นการเล่นเร็วเหมือนที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ ผนวกกับบางกระแสก็เม้าท์มอยด์ไปถึงขั้นที่ว่า หุ้นขึ้นมารับข่าวเต็มที่แล้ว และเหลือแก๊ปให้เล่นต่อไม่เยอะ จึงต้องอาศัยความไวเป็นหลักนะจ๊ะ

* เม้าท์ถึงเรื่องรูปแบบการเล่นขึ้นมาปุ๊บ ทำให้เดี๊ยนนึกถึงหุ้น SCI ขึ้นมาในทันที เพราะสัปดาห์ก่อนเพิ่งเม้าท์ให้ฟังว่า ควรเฝ้าระวัง! แต่วันนี้ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป หลังพรายกระซิบแอบได้ยินข่าวแว่ว ๆ ว่า ตอนนี้ปิดดีลโรงไฟฟ้าชุมชนได้แล้ว 3.50 เมกกะวัตต์ และกำลังทยอยไล่ปิดอีกหลายดีล จึงเชื่อว่าการขึ้นมาปิดที่ 2.26 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 291 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการเล่นต่อพะยะค่ะ

* คล้ายกับกรณีของ IMH ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า ปีนี้ผลงานแจ่มเกินคำบรรยาย บวกกับได้แจ้งให้โลกรู้ว่า เขาเป็นตัวแทนฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มให้กับประชาชน “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า นี่เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าลงทุนในยุคโควิดระบาดหนัก เพราะหันไปทางไหนด้านไหน ก็มีโอกาสรออยู่เต็มไปหมด และราคาหุ้นก็ตอบรับเรื่องดังกล่าวด้วยการยืนปิดที่ 8.15 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85 ล้านบาทไงล่ะคะ

Back to top button