ระวัง! ขว้างงูไม่พ้นคอ

ระยะนี้ ดูเหมือนโลกโซเชียล จะให้ความสำคัญกับการย้อนระลึกความหลังเป็นพิเศษ ใครทำอะไร พูดอะไรไว้ และความเป็นจริงในปัจจุบันเป็นอย่างไร มีคลิปต่าง ๆ ว่อนออกมาเผยแพร่เอาไว้หมด


ระยะนี้ ดูเหมือนโลกโซเชียล จะให้ความสำคัญกับการย้อนระลึกความหลังเป็นพิเศษ ใครทำอะไร พูดอะไรไว้ และความเป็นจริงในปัจจุบันเป็นอย่างไร มีคลิปต่าง ๆ ว่อนออกมาเผยแพร่เอาไว้หมด

ดังเช่น คลิปพลังประชารัฐ เคยหาเสียงอะไรไว้ #ทวงสัญญารัฐสวัสดิการ เมื่อก่อนเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ดูเอาขำ ๆ หรือจะดูเพื่อพิจารณาว่ามันเป็น “เฟค นิวส์” หรือ “แฟคท์ นิวส์” ก็ได้นะ

ค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท/วัน (ของเดิม 300 บาท) จบอาชีวะ เงินเดือน 18,000 บาท (ของเดิมไม่มี) จบปริญญาตรี เงินเดือน 20,000 บาท (ของเดิม 15,000 บาท)

ตั้งครรภ์รับ 3,000 บาท/เดือน ค่าคลอดบุตร 10,000 บาท และค่าดูแลเด็ก 2,000 บาท/เดือน

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาท/เดือน (ทุกช่วงอายุ) และยกเว้นภาษีแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี

ลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 4 ปี และตั้งกองทุนหมู่บ้านพลังประชารัฐ หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท

ผ่านมา 2 ปีกว่า สโลแกนหาเสียงดังกล่าว มีอะไรจริงสักข้อไหมเนี่ย!

เรื่องนี้ ไม่ใช่ผิดแค่ “เบี้ยว” คำมั่นสัญญานะครับ แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ (ปราบโกง) 2560 ก็ผิดด้วยฐานไม่ทำตามปก แต่คงจะเอาผิดอะไร “ลุงตู่” ไม่ได้หรอก เพราะเป็นแขกรับเชิญมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ซึ่งก็แปลกดี!

อันนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นที่มาของเพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงาม จะคืนกลับมา” และบลา ๆๆๆ ที่ “ลุงตู่” แต่งเองหรือเปล่านะ

แต่ทั้งสโลแกนหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ และบทเพลงประพันธ์โดย “ลุงตู่” ต่างก็เป็น “เฟค” ด้วยกันทั้งคู่แหละ

นั่นคือ “เฟค” หรือความไม่จริง หรือความปลอมแปลงในอดีต ซึ่งก็รวมถึงคำแถลงนายกฯ ตู่ เรื่องจะมีวัคซีนแอสตราเซเนกามาฉีดให้ประชาชนเดือนละ 10 ล้านโดสด้วย

ทั้งที่ยังไม่มีสัญญากับทางบริษัทฯ อยู่ในมือเลย แล้วก็เป็น “วัคซีนทิพย์” ไปเรียบร้อยแล้ว

มาวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตาม พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศการสร้างข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนหรือ “เฟคนิวส์” รวมทั้งการเผยแพร่

พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง เพ่งเล็งไปที่สื่อมวลชน คนดังเช่นดารา และเพจต่าง ๆ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เด้งรับคำสั่งนายกฯ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

งานนี้ คงได้เห็นการ “สนองนาย” กันพรึ่บพรั่บแน่ แต่ผมว่า เพื่อความยุติธรรม ก็อย่าได้เล่นงาน “เฟคนิวส์” กับประชาชนฝ่ายเดียวนะ ฝ่ายรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าเข้าข่าย “เฟคนิวส์” ก็ต้องโดนกล่าวโทษอย่างเสมอภาคด้วย

ใครที่เคยพูดเล่นพูดหัวไว้ อาทิ วัคซีนจะเต็มแขนประชาชนในไตรมาส 3 แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ อย่างนี้ รมต.อนุทินควรจะต้องโดนข้อหาด้วยไหม

พล.อ.ประยุทธ์พูดปากเปล่าโดยไม่มีสัญญาอยู่ในมือว่าจะมีวัคซีนมาฉีดประชาชนเดือนละ 10 ล้านโดส แต่ฉีดจริงกันหน่อมแน้มแค่เดือนละ 4-5 ล้านโดสเท่านั้น อย่างนี้พล.อ.ประยุทธ์จะต้องโดนข้อหา “เฟคนิวส์” ด้วยไหม

คำประกาศ 120 วันเปิดประเทศ” นี่ก็น่าสนใจ นายกฯ ประกาศเมื่อ 16 มิ.ย. 2564 เดดไลน์ก็ต้องนับเริ่มต้นในวันที่ 17 มิ.ย.และจะครบกำหนด 120 วันเอาในวันที่ 15 ต.ค.ศกนี้

ขณะนี้ ณ 28 ก.ค. เพิ่งจะฉีดวัคซีนรวมสะสมได้แค่ 16,591,329 เอง เหลือเวลาอีก 79 วัน จะต้องฉีดให้ได้ 83,408,671 ล้านโดส หรือฉีดให้ได้โดยเฉลี่ยวันละ 1,055,805.96 ล้านโดส

ขณะที่วันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันหยุด มีอัตราการฉีดรวม 2 เข็มอยู่แค่ 164,270 โดสเท่านั้น นี่มันห่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะคุณพี่

ความจริงจะปรากฏในไม่ช้า แค่วันที่ 15 ต.ค.หรืออีก 79 วันเอง ก็คงจะรู้หมู่รู้จ่าว่า “เปิดประเทศ” ได้หรือไม่ คือฉีดวัคซีนให้ได้ครบ 100 ล้านโดส และครอบคลุมประชากรได้ร้อยละ 70

หากผิดจากนี้ไป ก็หนีไม่พ้นการให้ข่าว “เฟค นิวส์” ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ผมขอภาวนาด้วยความจริงใจ อย่าให้นายกฯ โดนดำเนินคดีซะเองเลยนะ

นี่ก็หมายรวมทั้งพวกชอบปิดบังอำพรางว่า “หมอพร้อมเตียงพร้อม” แต่ความจริงมีแต่ “เมรุเท่านั้นที่พร้อม” ด้วยนะ

Back to top button