TIDLOR ปักธงสินเชื่อโตยาวปี 66

มีการวิเคราะห์กันว่า TIDLOR จะเติบโตราว 16-18% ในช่วงปี 64-66 นำโดยการขยายสาขา ตามด้วยความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่าตัวสินเชื่อของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR จะเติบโตราว 16-18% ในช่วงปี 2564-2566 นำโดยการขยายสาขา ตามด้วยความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ โดยเพิ่มขึ้น 7% ในปี 2563 และผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

บริษัทมีการตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ 500 สาขาภายในปี 2566 เพิ่มขึ้น 46% จาก 1,076 สาขาในปี 2563 ที่ผ่านมา อีกทั้งคาดการณ์ว่า non-NII ปี 2564-2565 จะเติบโต 27-29% เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากนายหน้าประกันภัยที่แข็งแกร่งที่ 35-40% ซึ่งชดเชยค่าธรรมเนียมการเก็บหนี้ที่อ่อนแอลดลงราว 44% จากงวดเดียวกันในปี 2563 ส่วนต้นทุนของเงินทุนของบริษัทน่าจะค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากอันดับ TRIS Rating ได้รับการอัปเกรดเป็น A จาก A- ในเดือน พ.ค. 2564 เทียบกับ BBB+ ของ MTC และ SAWAD

แม้ว่า TIDLOR มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากนโยบาย LTV ที่สูงกว่า 70-80% เทียบกับ 30-50% ของ MTC และ SAWAD อย่างไรก็ตาม TIDLOR มีนโยบายการกันสำรองที่ระมัดระวังมากกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น โดยเห็นได้จากอัตราส่วน NPL สูงสุดที่ 329% และ 5.0% สำรอง (LLR) ต่ออัตราส่วนเงินให้สินเชื่อในกลุ่ม ณ สิ้นไตรมาส 1/2564

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า NPL coverage และอัตราส่วน LLR จะลดลงเป็น 220% และ 3.7% ตามลำดับในปี 2566 โดยอัตราส่วน NPL คาดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 1.5% ในไตรมาส 1/2564 เป็น 1.7% ในปี 2566 บัตรเงินสดหมุนเวียนจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้าและลด OPEX จากกิจกรรมผ่านสาขาที่ลดลง เนื่องจากลูกค้าสามารถถอนเงินสดได้ตลอดเวลาผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคาร ปัจจุบัน TIDLOR เสนอบัตรเงินสดนี้สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ และมีแผนจะเสนอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ในไตรมาส 3/2564

ผลตามมา บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดว่ารายได้จะเติบโต 25-39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในปี 2564-2566 จากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งจากทั้ง NII และ non-NII นอกจากนี้ยังคาดการณ์อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงจาก 61.5% ในปี 2563 เป็น 53.0% ในปี 2566 จากการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ OPEX เติบโตในอัตราที่ช้ากว่ารายรับ จาก NPL coverage ที่สูง

ทั้งนี้ จึงตั้งสมมติฐานว่าต้นทุนสินเชื่อจะลดลงเหลือ 50-85% สำหรับปี 2564-2566 เพื่อรองรับการเติบโตของกำไร TIDLOR พร้อมรับมือเศรษฐกิจที่อ่อนแอและน่าจะได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเน้นที่ต่างจังหวัด 80% ของสินเชื่อทั้งหมด โดยมีลูกค้า SMEs และสินเชื่อรายย่อยที่จำกัด

ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 695,695,530 หุ้น 30.00%
  2. Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. 579,746,230 หุ้น 25.00%
  3. UBS SECURITIES PTE LTD. 188,055,000 หุ้น 8.11%
  4. Morgan Stanley & Co. International Plc. 138,144,200 หุ้น 5.96%
  5. บัวหลวงหุ้นระยะยาว 25,731,600 หุ้น 1.11%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายชานดาเชการ์ สุบรามาเนี่ยน คิสชูมันการัม ประธานกรรมการ
  2. นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ
  3. นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร กรรมการ
  4. นายชวิณ เจียรวนนท์ กรรมการ
  5. นายแอลสิทธิ์ เวอร์การา กรรมการ

Back to top button