ขึ้นเพื่อลง หรือแรลลี่

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (9 ส.ค.) ปิดบวกค่อนข้างร้อนแรง


ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (9 ส.ค.) ปิดบวกค่อนข้างร้อนแรง

นักลงทุนสถาบัน กลับเข้ามาซื้อสุทธิ ด้วยการเก็บหุ้นขนาดใหญ่เข้าพอร์ต ทั้ง AOT GULF KBANK SCB GPSC และ CPN

หุ้นขนาดใหญ่เหล่านี้ เมื่อวานนี้ปิดบวกกันมากกว่า 2-4%

เช่น AOT บวก 2.50 บาท ปิด 58.25 บาท เปลี่ยนแปลง +4.48% มูลค่าการซื้อขาย 1,702 ล้านบาท

วอลุ่มเทรดที่มาก และราคาหุ้นใหญ่ที่ขยับขึ้นสูง

มีเพียงกลุ่มนักลงทุนสถาบัน (และต่างประเทศ) เท่านั้น ที่จะทำแบบนี้ได้

มีคำถามว่า นักลงทุนสถาบันกำลังคิดอะไร

คำถามนี้ตอบลำบาก

เพราะขนาดนักวิเคราะห์แต่ละคนยังมองแตกต่างกันไป

บางคนมองไปว่า กองทุนเริ่มเก็บหุ่นแล้วล่ะ เพราะอาจประเมินว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อน่าจะขึ้นสู่ระดับสูงสุด หรือใกล้ระดับสูงสุดแล้ว ก่อนจะค่อย ๆ ปรับลดลง

ส่วนยอดคนหายป่วยกลับบ้านเริ่มมีมากขึ้น

มาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ น่าจะเกิดขึ้นไม่นานจากนี้

ส่วนตัวเลขผู้ฉีดวัคซีน ค่อย ๆ เริ่มดีขึ้น

ส่วนใหญ่กองทุน หรือนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาซื้อ คือจะมองไปปี 2565 โน่นแล้วว่า เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ เลยเข้ามาเก็บสะสมหุ้น (ขนาดใหญ่) ไว้ก่อนช่วงที่ราคายังถูก

หุ้นเวลาจะรีบาวด์

ก็จะเป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 นั่นแหละ

พวกนี้ผลประกอบการน่าจะเริ่มฟื้นตัวก่อน และเป็นกลุ่มที่จะดันดัชนีขึ้นมา

ส่วนนักวิเคราะห์อีกกลุ่มมองว่า ดัชนีตลาดหุ้น ๆ ไทย ยังลงไม่สุดนะ

เช่นเดียวกับ กับตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ยังไม่ถึงระดับสูงสุด และยังไม่รู้ว่าจะไปถึงตรงไหน และเมื่อไหร่

“ความเสี่ยง” จึงยังคงมีอยู่

ดังนั้น โอกาสที่ดัชนีจะร่วงหลุดต่ำกว่าระดับ 1,500 จุด จึงมีความเป็นไปได้สูง

เช่น เมื่อวานนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ  ร่วมกับสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนมีจัดสัมมนาเรื่องการปรับพอร์ต ท่ามกลางวิกฤตโควิด

นักวิเคราะห์ที่มาให้ข้อมูลต่างมองว่า ดัชนีน่าจะหลุด 1,500 จุด

ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/64 หรือไตรมาส 1/65 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโควิด-19 ว่าจะเบาบางในช่วงไหน และจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอย่างไร

แน่นอนว่า กลุ่มนักลงทุนสถาบันจะมี “เครื่องมือ” และ “มุมมอง” การวิเคราะห์ที่ดีกว่านักลงทุนทั่วไป

หรือว่านักลงทุนสถาบันเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกบ้างแล้ว

เดือนสิงหาคม นี้ ผ่านมาแล้ว 9 วัน

พวกเขาซื้อสุทธิไปแล้วกว่า 6,281 ล้านบาท

ดัชนีหุ้นกลุ่ม SET50 เริ่มเห็นการขยับขึ้นเล็กน้อย

ทว่า จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ยังไม่มีสิ่งใดที่จะบ่งบอก ๆ ได้ว่า การเข้ามาซื้อรอบนี้ของนักลงทุนสถาบัน

จะเป็นการเข้ามาซื้อเพื่อให้รายย่อยตาม ก่อนจะ “ปล่อยของ” แล้วไปรอเก็บอีกครั้งช่วงดัชนีอยู่ใต้ 1,500 จุด

หรือว่าเป็นการเข้ามาซื้อต่อเนื่องแบบแรลลี่ (บางช่วงอาจมีขายทำกำไรออกมาบ้าง)

ที่ผ่านมา เวลามีการวิเคราะห์ว่า ดัชนีน่าจะลงไปจุดต่ำสุดที่เท่าไหร่

หรือมีแนวรับสำคัญอยู่ระดับใด

เรามักจะพบว่า ดัชนีจะไม่ค่อยลงไปถึงจุดนั้น

เพราะจะมีแรงซื้อเข้ามาก่อน จนกลุ่มนักลงทุนที่คอยเก็บหุ้นต่างตกขบวน

และเช่นเดียวกัน

เมื่อเวลามีการวิเคราะห์ว่า ดัชนีจะขึ้นไปถึงระดับใด เช่น 1,600 จุด หรือ 1,700 จุด

ดัชนีมักจะวิ่งไปไม่ถึง

เพราะจะมีแรงขายทำกำไรออกมาซะก่อน

Back to top button