พาราสาวะถี

เผด็จการสืบทอดอำนาจ 7 ปีที่ผ่านมาคือ เขียนกฎหมาย ใช้กฎหมายอ้างความชอบธรรมในการปราบปรามฝ่ายเห็นต่าง และยังจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป


บอกแล้วว่าอย่างหนาเรียกพี่งานนี้นอกจากไม่มีถอยยังเล่นแร่แปรธาตุตามสไตล์ถนัดของรัฐบาลหัวหมอ เรื่องพ.ร.ก.นิรโทษกรรมของกระทรวงสาธารณสุขหลังถูกกระแสต้านแรง ก็มีการแปรสภาพยัดไส้ให้ครม.เคาะเห็นชอบไปเรียบร้อยแล้ว โดยใช้การแก้ไขพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 แทน แต่ยังมีเนื้อหาสำคัญคือมาตรการคุ้มครองบุคลากรทางสาธารณสุขด่านหน้า และอาสาสมัคร ซึ่งคงจะรวมไปถึงเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนล้มเหลวด้วย งานนี้ต้องคอยดูหลังซื้อให้เวลาให้กฤษฎีกาช่วยเกลาหน้าตาจะออกมาแบบไหน

ดูเหมือนจะชาชินกันเสียแล้วกับคนไทยต่อตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ว่าจะทำนิวไฮทั้งผู้ติดเชื้อรายใหม่หรือจำนวนคนที่ตาย ไม่ใช่ไม่หวาดกลัวหรือหวั่นไหว หากแต่ภายใต้สิ่งที่เห็นและเป็นไป เมื่อมีผู้นำประเทศและคณะผู้บริหารที่มีศักยภาพและสติปัญญาทำได้เพียงเท่านี้ มันจะมีอะไรดีไปกว่า การยอมรับสภาพแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถี โดยที่คนทั่วไปก็ยังต้องดิ้นรนทำมาหากิน รับภาระเสี่ยงกันต่อไปโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเมื่อวัคซีนมีปัญหา อัตราป่วยและตายก็ย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา

แทนที่ผู้มีอำนาจจะสำเหนียกแล้วเร่งจัดหาอาวุธสำคัญในการต่อสู้กับโรคร้าย แต่กลับกลายเป็นว่าหาหนทางที่จะมาปกป้องความผิดของตัวเอง ที่ภาษานักเลงชอบพูดกันว่า ไม่ผิดแล้วกลัวอะไร หรือเมื่อทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว ทำไมจะต้องไปหาหนทางในการที่จะออกกฎหมายมาคุ้มกะลาหัวให้ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน ทั้งหมดเหล่านี้มันคือหลักฐานยืนยันความผิดพลาด บกพร่องที่มองเห็นอนาคตว่าตัวเองจะถูกเล่นงาน

ทั้งที่ไม่ใช่ความต้องการของบุคลากรด่านหน้าที่มุ่งมั่นทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย และไม่สนใจว่าใครจะดำเนินคดีหรือไม่ เพราะสิ่งที่ทำไปประชาชนรับรู้ว่าหนักหนาสาหัสขนาดไหน จะมีแต่ก็พวกเล่นการเมืองและแสวงหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของคนทั้งชาติเท่านั้นแหละที่พยายามจะแถ หาเหตุหาผลมาปกป้องความล้มเหลวของตัวเอง เห็นการออกมาแถลงข่าวเรียกร้องขอความเห็นใจของหมอใหญ่ประจำกระทรวงสาธารณสุขและสมุนแล้ว บอกได้คำเดียวสมเพชและเสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างยิ่ง

อดีตที่ผ่านมาหมอการเมืองภายในกระทรวงแห่งนี้ มีการเล่นเกมเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่กันสารพัด แต่มันไม่ทุเรศเท่ากับการสอพลอในยุคนี้ ที่มองเห็นความเดือดร้อนของประชาชน การไร้เตียงรักษาคนป่วย การนอนรอความตายอยู่ที่บ้านหรือตายคาบ้านพัก การขาดวัคซีนที่มีคุณภาพ ไม่เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่หรือปกป้องประชาชนในยามวิกฤติ จนกระทั่งเรื่องชุดตรวจ ATK ที่เป็นปัญหาล่าสุด แต่คนเหล่านั้นกลับไม่แยแสต่อความโสมมที่เกิดขึ้น

ยังคงปกป้องฝ่ายการเมืองที่ให้คุณให้โทษสุดฤทธิ์ ขณะเดียวกันก็หาทางที่จะคุ้มครองตัวเองจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการเตรียมการรับสถานการณ์ บางทีอาจถึงเวลาที่หมออาชีพทั้งหลายต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องและกำจัดหมอการเมืองเหล่านี้ ประจานให้สังคมได้รับรู้ว่าควรหรือไม่สมควรทำอะไรในยามที่บ้านเมืองเผชิญวิกฤติ ผิดพลาดไปแล้ว แทนที่จะเร่งแก้ไข สังคมยังพอให้อภัย แต่นอกจากไม่ทำแล้วยังจะหาทางแก้ต่างแก้ตัว เช่นนี้ต้องเรียกว่าอะไร

สถานการณ์โควิดหากวัคซีนยังกระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพฯ โดยที่เชื้อกระจายตัวไปเร็วกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าระบาดไปทั่วประเทศแล้วนั้น มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาจึงเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ มิหนำซ้ำ ก็เห็นได้ชัดว่าหลังจากไม่สามารถรับมือกับการระบาดในเมืองหลวงและปริมณฑลได้แล้ว การใช้วิธีส่งคนกลับไปรักษาในภูมิลำเนาก็เป็นการเฉลี่ยตัวเลขผู้ป่วยให้เห็นในภาพรวมว่า ในพื้นที่สีแดงเข้มไม่ได้รุนแรงหรือน่าวิตกเหมือนที่ผ่านมาก็เท่านั้น

แต่ความเป็นจริงก็คือ ไปสร้างภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งโรงพยาบาลในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นไปอีก อีกด้านก็เกิดการเคลื่อนย้ายของคนจำนวนมาก ทั้งที่อ้างว่ายกระดับมาตรการคุมเข้ม แต่แอบหลิ่วตาข้างหนึ่ง จึงทำให้คนจากพื้นที่สีแดงเข้มกลับไปถิ่นฐานบ้านเกิด บางคนที่มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมก็ทำตามมาตรการไม่สร้างปัญหา ซึ่งก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้และกลายเป็นคนแพร่เชื้อชั้นดี

เหล่านี้คือข้อเท็จจริงที่หลายจังหวัดหรือแทบจะเรียกได้ว่าเกือบทุกจังหวัดประสบพบเจออยู่ในเวลานี้ แต่ก็อยู่ในภาวะน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ได้ จึงต้องเกิดภาวะจำยอมใครเป็นก็รักษา ถ้าระบาดมากก็ปิดหมู่บ้าน ห้ามเข้าออก แต่ลืมไปว่าคนยังต้องกินต้องใช้ มันจึงกลายเป็นความเดือดร้อนโดยที่มาตรการการช่วยเหลือจากภาครัฐก็ดำเนินไปอย่างล่าช้า ไม่ทั่วถึง และหลายแห่งจากการกำหนดวิธีการ ขั้นตอนที่ยุ่งยากเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือ ก็กลายเป็นการทำให้คนไปรวมตัวกันจำนวนมากในสถานที่หนึ่งเป็นจุดเสี่ยงแพร่เชื้อรับเชื้อไปเสียฉิบ

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและขบวนการศรัทธาหาย ความเชื่อมั่นไม่มี ความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามที่จะลุกฮือขึ้นมาขับไล่นั้นก็ยังไม่สามารถผนึกกำลังสร้างแรงกระเพื่อมใด ๆ ได้ ในส่วนของม็อบคนรุ่นใหม่ที่มีหลายกลุ่มหลุดเข้าไปในแผนยั่วให้โมโหแล้วใช้ความรุนแรงเข้าปราบ ก็ยังไม่สามารถระดมพลได้ในหลักที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับฝ่ายกุมอำนาจเหมือนเมื่อปีที่ผ่านมา

ส่วนคาร์ม็อบและคาร์ปาร์กของ “บก.ลายจุด”สมบัติ บุญงามอนงค์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ดำเนินไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ในแง่ของมวลชน แนวคิดและวิธีการเรียกร้องขับไล่ที่เปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่สามารถสำแดงแปลงเป็นพลังกดดันที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ ต้องไม่ลืมว่าเผด็จการสืบทอดอำนาจผู้นิยมความรุนแรงนั้น ไม่ได้แยแสต่อการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ใด ๆ สิ่งที่ใช้ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมาคือ เขียนกฎหมาย ใช้กฎหมายอ้างความชอบธรรมในการปราบปรามฝ่ายเห็นต่าง และยังจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

Back to top button