KKP กำไรแกร่ง

จากการดำเนินการของ KKP ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างธุรกิจหลักในด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้มีการกระจายรายได้อย่างเหมาะสม


คุณค่าบริษัท

จากการดำเนินการของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างธุรกิจหลักในด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้มีการกระจายรายได้อย่างเหมาะสม และช่วยลดทอนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบันที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในบางส่วน เพราะยังคงสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้ในระดับที่ดีอยู่

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5,801.69 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,812.81 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,477.77 ล้านบาท หรือ 1.75 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1,346.93 ล้านบาท หรือ 1.59 บาทต่อหุ้น

สำหรับผลการดำเนินงานหลักเติบโตจากการปรับเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน และในส่วนของการตั้งสำรอง ธนาคารยังคงมีการพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 17,152.23 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 15,259.10 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4,294.71 ล้านบาท หรือ 5.07 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 4,015.19 ล้านบาท หรือ 4.74 บาทต่อหุ้น  สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรของทุกส่วนของธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ทางนักวิเคราะห์ บล.เคทีบีเอสที ประเมินว่า กำไรสุทธิของ 9 เดือนแรกปี 2564 คิดเป็น 75% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี ดังนั้นทำให้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2564 จะลดลงจากไตรมาสก่อน มากกว่าคาด เพราะกำไรจากเงินลงทุนมีโอกาสปรับตัวลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2564 ที่บันทึกมาเยอะแล้ว และตลาดหุ้นในไตรมาส 4 ปี 2564 ไม่ได้ผันผวนมากนัก แต่จะยังเติบโตได้ดีเมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง เนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2563 ได้เร่งตั้งสำรองฯ ล่วงหน้าไปแล้วก้อนใหญ่  และคาดสินเชื่อยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน (EDT) ซึ่งช่วยให้กำไรเติบโตเหนือกลุ่มฯ

ดังนั้นมีการปรับราคาเป้าหมายโดยการ rollover ไปปี 2565 ได้ที่ 67.00 บาท แนะนำ “ซื้อ”

….

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 53,391,811 หุ้น 6.31%
  2. น.ส.ฐิตินันท์ วัธนเวคิน 35,532,761 หุ้น 4.20%
  3. บริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด 35,000,804 หุ้น 4.13%
  4. บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) 34,867,143 หุ้น 4.12%
  5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 26,150,900 หุ้น 3.09%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ
  2. นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  4. นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ
  5. นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน กรรมการ

Back to top button