โอไมครอนป่วนหุ้น!

หลังผู้คนทั่วโลกเกิดอาการแหยงกันเป็นแถว พร้อมกับวิตกจริตไปถึงขั้นที่ว่า ต้องปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดกันเลยทีเดียวนะคะ


*ช่วงนี้ “โมนิก้า” ขออนุญาตหยุดเผือกเรื่องชาวบ้านไว้ชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนในยุทธจักรสายเขียวของเก๊ และคนในวงการฟินเทคของปลอม หรือแม้กระทั่งการไม่เผาผีของผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ต้องขอพักเบรกไว้ทั้งหมด เพราะต้องการโฟกัสไปที่ไวรัสป่วนโลกตัวล่าสุด หลังผู้คนทั่วโลกเกิดอาการแหยงกันเป็นแถว พร้อมกับวิตกจริตไปถึงขั้นที่ว่า ต้องปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดกันเลยทีเดียวนะคะ

*ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วนาตาปีว่า mRNA เอาไม่อยู่! ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ตอนเที่ยงครึ่งดัชนีเหลือบวก 3 จุด ทั้งที่ช่วงเปิดเทรดบวกไป 14 จุด และขยับขึ้นไปเป็น 22 จุด “โมนิก้า” จึงต้องรีบกุลีกุจอมานั่งเฝ้าหน้ากระดานหุ้น เพราะทันทีที่เปิดเทรดภาคบ่าย ดัชนีก็ทรุดฮวบลบไปทันที 17 จุด พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้างตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,568.69 จุด ลบไป 21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 แสนล้านนะคะ

*สิ่งที่ต้องติดตามถัดมาคือ ในเมื่อข้อสรุปเกี่ยวกับเจ้าไวรัสมฤตยูโอไมครอนจะเผยแพร่ออกมาเป็นทางการภายใน 2 สัปดาห์ เท่ากับเป็นแรงกดดันให้หุ้นทั่วโลกตกอยู่ในภาวะสุญญากาศต่อไปอีกระยะหนึ่ง และส่งผลให้หุ้นแกนหลักอย่างกลุ่มแบงก์ กับกลุ่มพลังงานถูกกระหน่ำขายเป็นระลอก ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นก็โดนจัดหนักไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นจังหวะที่มีลูกติดพัน และเต็มไปด้วยฝุ่นตลบ เลยไม่รู้ใครเป็นใครทั้งนั้นไงล่ะคะ

*สำหรับหุ้นที่โดนทั้งขึ้นทั้งล่องคงไม่มีใครเจ็บช้ำไปกว่าแบงก์สีเขียว KBANK เพราะทำท่าเหมือนจะดีขึ้นได้ไม่ทันไร กลับโดนไวรัสมฤตยูเล่นงานจนสะบักสะบอมอีกแล้ว ราคาหุ้นถึงร่วงลงมาปิดที่ระดับ 132 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.60 หมื่นล้านแบบไร้ทางสู้ จึงมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะลงมาปิดแก๊ปที่เคยเปิดไว้บริเวณ 123 บาทแบบนี้ ตามตำราเขาเรียกอาการนี้ว่า ดวงจู๋นะคะ

*ส่วนคนที่ดวงกุดอย่างหุ้น AOT กลายเป็นของแสลงสำหรับชาวหุ้นในทันที เพราะตามเนื้อผ้าราคาหุ้นต้องลงไปอีก แต่โชคดีที่มีแรงซื้อเข้ามารับหุ้นเป็นระลอก วานนี้ถึงประคองตัวด้วยการปิดเสมอตัวที่ระดับ 59.75บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.34 พันล้านบาทแบบเสียวไส้ ผสานกับจุดต่ำสุดครั้งก่อนอยู่แถว 55.50 บาท จึงกลายเป็นจังหวะที่ต้องถอยฉาก เพื่อดูลาดเลาก่อนพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับสถานการณ์ของหุ้นปูนใหญ่ SCC ซึ่งอยู่ในทิศทางขาลงเป็นแรงเดือน และมีความเป็นไปได้ที่จะทรุดลงอีกเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก เพราะแรงขายยังไม่มีทีท่าจะเบาลงแต่อย่างใด ผนวกกับนักเล่นกลุ่มสถาบันสาดหุ้นทิ้งออกมาตลอดเวลา จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 372 บาท ลบไป 9 บาท หรือลงไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.02 พันล้านบาท เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า แนวรับแรกบริเวณ 360 บาทรออยู่นะออเจ้า

*แปลกสุดคงเป็นในรายของหุ้น STGT เพราะดิ่งลงท่ามกลางความคาดหวังยอดใช้ถุงมือยางจะเพิ่มขึ้น จึงกลายเป็นประเด็นที่น่าขบคิดมากสุดในยามนี้ และประเด็นเดียวที่คิดได้เวลานี้คือ นักเล่นต้องการเพลย์เซฟ เลยไม่ต้องการถือหุ้นไว้ในพอร์ต และการยอมขาดทุนตอนนี้ น่าจะเป็นทางออกที่ดีสุด วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 30 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 7.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.20 พันล้านบาทไงล่ะคะ

*ประเด็นข้างต้นคล้ายกับกรณีของหุ้นโรงพยาบาล BDMS ทุกประการ เพราะที่ผ่านมารับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า โรงพยาบาลเอกชนมีคนเข้ามารักษาโควิดเยอะแยะไปหมด ซึ่งส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3 ออกมาเลิศหรูทุกตัว “โมนิก้า” จึงรู้สึกแปลกใจที่หุ้นลงต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน แถมวานนี้ก็โดนเทตั้งแต่เช้าจรดเย็น เลยอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 22.30 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.69 พันล้านบาท ซึ่งเป็นฐานเก่าก่อนขึ้นยาว..น่าช้อนไหม?

*ส่วนรายที่ปั่นกันสนุกมือสุด ๆ และน่าจะปั่นต่อไปอีกระยะหนึ่ง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BROOK ที่พุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.94 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 405 ล้านบาท ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า นี่คือหุ้นที่เต็มไปด้วย “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” แต่ยังกล้าเข้ามาเล่นแบบนี้ เดี๊ยนคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวพะยะค่ะ

Back to top button