พาราสาวะถี

ขณะที่รัฐบาลโดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ประกาศเลื่อนงานเลี้ยงสังสรรค์ของพรรคร่วมออกไปไม่มีกำหนด ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ส่งเทียบเชิญเอง


ขณะที่รัฐบาลโดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ประกาศเลื่อนงานเลี้ยงสังสรรค์ของพรรคร่วมออกไปไม่มีกำหนด ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ส่งเทียบเชิญเอง จากเหตุผลที่บอกไปแล้วหลายรอบสนิมเกิดจากเนื้อในตน อันหมายถึงปัญหาภายในพรรคแกนนำรัฐบาลเอง กลับกันทางพรรคร่วมฝ่ายค้านได้นัดเลี้ยงกระชับมิตรภายใต้สโลแกน “ฝ่ายค้านรวมใจ สรรค์สร้างชีวิตใหม่ เพื่อประชาชน” ในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค อันเหมือนเป็นรังเหย้าของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

จะว่าไปแล้วความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านกับพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ มีความเห็นที่แตกต่างกันในหลายเรื่อง แต่ก็ไม่นำพาไปซึ่งความแตกแยก เพียงแค่ว่าความเห็นที่ต่างกันของสองฝ่ายมีจุดเชื่อมโยงที่ทำให้ยังคงสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้แตกต่างกัน ซีกรัฐบาลนั้นอยู่กันด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง หากไม่มีตำแหน่งหัวโขนในฝ่ายบริหารเป็นเครื่องค้ำยันก็คงจะพังกันไปนานแล้ว

ส่วนฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคนายใหญ่กับพรรคก้าวไกลนั้น เมื่อสแกนไปยังเป้าหมายฐานเสียงที่มีผลต่อการเลือกตั้งแล้วแทบจะเรียกได้ว่าเป็นฐานเดียวกัน เพียงแต่ว่าพรรคน้องใหม่จะมีส่วนที่แยกย่อยออกไปและได้เปรียบพรรคอื่นชัดเจนคือเสียงของคนรุ่นใหม่ แต่บนความเห็นที่ไม่ตรงกันนั้น มีจุดเชื่อมโยงเดียวกันคือต่อต้านเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีเป้าหมายลบล้างกลไกที่เกิดจากการวางแผนสืบทอดอำนาจของเผด็จการคสช.

ดังนั้น งานเลี้ยงกระชับมิตรที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นการพบปะเพื่อแลกเปลี่ยน และทำการรวบรวม สรุปการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้าน และประเมินการทำงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าการยื่นอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 จะเลื่อนออกไปเป็นต้นปีหน้า แต่งานเฉพาะหน้าที่สำคัญก็คือร่วมกันเสนอร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ต้องช่วยกันผลักดันและตรวจสอบในซีกของรัฐบาลว่ามีการเอาเปรียบคู่แข่งหรือไม่

ส่วนใครจะมองว่าการผุดงานเลี้ยงของพรรคฝ่ายค้านเพื่อเป็นการดิสเครดิตฝ่ายรัฐบาลที่ยกเลิกงานไปอย่างไม่มีกำหนดก็แล้วแต่จะมองกันไป ถึงอย่างไรก็ไม่มีผลต่อคณะบุคคลที่อย่างหนาเรียกพี่อยู่แล้ว ขณะเดียวกันท่วงทำนองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจช่วงนี้ก็เห็นได้ชัดว่า เดินสายขอคะแนนความเห็นใจจากประชาชน พยายามวัดเรตติ้งของตัวเองว่ายังเหมือนก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 หรือไม่ เพื่อจะได้ประเมินท่าทีทางการเมืองที่จะขับเคลื่อนกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เป็นสูตรสำเร็จของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็คือ การพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกหรือการกระทำของตัวเอง เหมือนทฤษฎีตรงข้าม ตั้งแต่คราวบอกไม่ทำการรัฐประหารแต่ตอนหลังก็บอกว่ามีการวางแผนกันมานานถึง 3 ปี ล่าสุดมีการพูดระหว่างเป็นประธานงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล DG Awards 2021 แก่หน่วยงานภาครัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลระดับสูง ด้วยทำนองออดอ้อน ซึ่งถ้าใครเชื่อก็ถือว่าเชียร์กันแบบไม่ลืมหูลืมตา

วลีทองที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตอกย้ำนั่นก็คือ “ผมเป็นคนไม่ได้ยึดติดกับอำนาจ” เป็นคนที่จริง ๆ แล้วเป็นคนเรียบง่าย แต่เมื่อมีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องอยู่ที่ต้องทำหน้าที่ “ตราบใดที่กฎหมายยังให้ผมทำอยู่ผมก็ต้องทำ” และสิ่งเหล่านี้คือสิ่งเดียวที่เป็นรางวัลให้กับตัวเอง คือความภาคภูมิใจของตัวเองโดยไม่ต้องมีใครมาให้กับตน ขนาดไม่ยึดติดยังมีการวางแผนเพื่อการสืบทอดอำนาจไว้ขนาดนี้ ถ้าต้องการอยู่ยาวจะวางกับดักกันไว้ขนาดไหน

ยังไม่พูดถึงเรื่องยุทธศาสตร์ 20 ปีและการปฏิรูปทั้งหลายที่ไม่เห็นผลอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ด้วยเหตุนี้จึงมีการค่อนขอดคนบางพวกพูดเท็จมาตลอดจนเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองปั้นแต่งขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งก็เหมือนหัวขบวนที่โบกมือดักกวักมือเรียกให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเข้ามายึดอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย ที่ชูคอสถาปนาตัวเองเป็นคนดีที่สุดในประเทศไทย ทั้งที่ความจริงแล้วผลของการทำงานในอดีตที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่

เป็นธรรมดาของสังคมคนดีที่ต่างพากันยกหางตัวเอง จนสุดท้ายเมื่อประเทศเผชิญสถานการณ์วิกฤต ต้องการความเปลี่ยนแปลง อยากได้ผู้นำที่มีศักยภาพในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส นำพาประชาชนก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่วาทกรรมลวงโลก ก็จะเกิดประโยค ถ้าไม่มีคนแบบผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแล้ว จะไปหาใครมาเป็นแทน ประหนึ่งว่าประเทศนี้ไม่มีใครดีเกินตัวข้าแล้ว ทั้งที่ประโยคที่ลิ่วล้อชูหาเสียงเลือกความสงบจบที่ลุงก็พิสูจน์แล้วว่าทำไม่ได้

เรื่องการเมืองอันเป็นปัญหาภายในพรรคสืบทอดอำนาจ การสร้างภาพจูบปากกันของพี่น้องแก๊ง 3 ป. ไม่ได้ช่วยให้ความแตกแยกภายในประสานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ในเมื่อกลุ่มก๊วนต่าง ๆ ก็มีวาระซ่อนเร้นเล่นเกมแทงข้างหลังกันตลอดเวลา สิ่งเดียวที่จะทำให้ฝ่ายขัดแย้งหันมาจับมือกันได้คือกฎหมายลูกที่จะออกมาจะมีการเล่นแร่แปรธาตุอะไรให้พรรคของตัวเองได้เปรียบคู่แข่งเท่านั้น หากกติกาเลือกตั้งบัตร 2 ใบไปเอื้อให้พรรคนายใหญ่มากกว่าพรรคอื่น ๆ พวกที่ตกเป็นเบี้ยล่างในพรรคแกนนำก็พร้อมจะตีจากทุกเมื่อ

สถานการณ์โควิด-19 ว่าด้วยเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ที่ห่วงกันกับการจะแพร่ระบาดในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ที่คนจาก 8 ประเทศซึ่งห้ามเข้าตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่อยู่ที่คนซึ่งเข้ามาก่อนหน้านั้น มีการติดตามตัวได้ครบหมดแล้วและตรวจยืนยันได้แล้วหรือไม่ว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกันกับคนที่เดินทางมาจากประเทศซึ่งพบผู้ป่วยเชื้อกลายพันธุ์ การเข้ามาโดยไม่กักตัวและตรวจหาเชื้อแบบเข้มข้นเหมือนเดิมเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างยิ่ง ที่บอกประชาชนไม่ต้องกังวล ถามว่าแผนที่เตรียมพร้อมหมดแล้วนั้น เตรียมไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ระบาดหรือเตรียมการรับมือผู้ติดเชื้อที่จะกลับมาระบาดหนักกว่าเดิม

Back to top button