พาราสาวะถี

พื้นที่ควบคุมและพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หมายความว่า บรรดากิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ก็จะได้รับการผ่อนคลายให้มากขึ้นจนเกือบใกล้เคียงกับปกติ


ได้เฮกันถ้วนหน้าสำหรับนักเที่ยวและนักดื่ม เมื่อที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในฐานะผู้อำนวยการศบค. มีมติให้ยกเลิกพื้นที่สีแดงเข้มและสีแดงทั่วประเทศ จากนี้ไปประเทศไทยจะมีพื้นที่ในการเฝ้าระวังโควิด-19 แค่สีส้มและสีเหลือง นั่นก็คือ พื้นที่ควบคุมและพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หมายความว่า บรรดากิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ก็จะได้รับการผ่อนคลายให้มากขึ้นจนเกือบใกล้เคียงกับปกติ

เฉพาะช่วงของการเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ศบค.ชุดใหญ่อนุมัติให้มีการจัดงานได้เต็มที่ภายใต้มาตรการกำหนด และมีการผ่อนคลายให้สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จนถึงเวลาตี 1 เฉพาะในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ถึง 1 มกราคม 2565 เท่านั้น ส่วนหลังจากนั้นก็จะเป็นไปตามมาตรการที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกทม.จะเป็นผู้กำหนด แน่นอนว่าถ้าไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ปลายปีนี้ประเทศไทยคงคึกคักเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นความน่าเป็นห่วงต่อเรื่องของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่ล่าสุดทางกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยข้อมูลพบผู้ติดเชื้อแล้ว 11 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นส่วนใหญ่พบว่าเดินทางเข้าประเทศในรูปแบบไม่ต้องกักตัวหรือ Test & Go ตรงนี้แหละที่หลายคนกังวล เพราะเคสของผู้ป่วยรายแรกที่พบซึ่งเป็นชาวอเมริกันที่เดินทางมาจากสเปนนั้น พบว่ามีการปล่อยให้เดินทางไปไหนต่อไหนได้ โดยที่ผลการตรวจยืนยันโรคยังไม่เรียบร้อย

กรณีนี้ นายแพทย์วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ยอมรับเองว่า ที่ผ่านมาได้มีการปล่อยให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางก่อนที่ผลตรวจยืนยันจะออกมา เช่นเดียวกันกับผู้ป่วยโอมิครอนรายแรกที่พบว่า แพทย์ผู้ทำการตรวจพบว่าค่า CT สูง ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นการติดเชื้อเก่าจึงปล่อยไป แต่จริง ๆ ผิดข้อกำหนดของกรมควบคุมโรค ที่ระบุว่า หากตรวจเจอเชื้อขอให้กักตัว และทำการตรวจให้แน่ใจก่อนว่าเป็นเชื้อใหม่หรือซากเชื้อ

นั่นหมายความว่า หากมีกรณีลักษณะเดียวกันอีกตรงนี้จะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะการติดตามตัวผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว ไม่สามารถทำได้รวดเร็ว นั่นหมายความว่าหากเป็นเชื้อโอมิครอนก็มีโอกาสที่จะแพร่ได้อย่างรวดเร็ว หากยังคงมีระบบกักตัวเหมือนเดิมคงไม่มีปัญหา แต่กรณีนี้ Test & Go เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ยิ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมในโครงการ เป็นสิ่งที่จะต้องสั่งการเข้มงวดกันให้มาก ต้องระมัดระวัง และตรวจสอบจนแน่ใจว่าปลอดภัย

มาจนถึงนาทีนี้ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กรมควบคุมโรคบอกว่า อาจจะมีการส่งหนังสือเวียนแจ้งไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการเข้มงวดเรื่องการตรวจยืนยันเชื้อให้แน่ใจก่อนอนุญาตให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศในระบบไม่กักตัวเดินทางต่อไปได้นั้น จะทันการณ์หรือไม่ ยิ่งก่อนหน้านั้นมีการผ่อนคลายเรื่องวิธีการตรวจจึงไม่แน่ใจว่าได้มีการ Test ให้ผลออกมาก่อน แล้วค่อย Go กันแบบเคร่งครัดขนาดไหน ถ้าไม่ โอกาสที่เราจะได้เห็นตัวเลขผู้ป่วยโอมิครอนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็มีความเป็นไปได้สูง

ขณะเดียวกันบรรดาหมอมืออาชีพหลายรายก็ได้ส่งสัญญาณเตือนมาแล้วว่า ลำพังวัคซีนอย่างเดียวไม่น่าจะเอาอยู่ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมีวิธีป้องกันและลดความรุนแรงของการแพร่ระบาด แม้เชื้อโอมิครอนดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนกรณีการระบาดของเชื้อเดลต้าที่ครองเมืองมาถึงทุกวันนี้ แม้สัดส่วนของคนที่มีอาการหนัก ตายจะไม่มาก แต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยที่ล้นโรงพยาบาล ก็จะทำให้ประเทศกลับไปสู่จุดกังวลเรื่องระบบสาธารณสุขล้มเหลวอีกได้

ความเคลื่อนไหวการเมืองเวลานี้มีทั้งประเด็นการเตรียมการเลือกตั้งซ่อมส.ส.จากผลพวงอดีต 5 แกนนำกปปส.ที่ถูกตัดสิทธิจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สองพื้นที่เขตสำคัญคือ เขต 6 สงขลา และเขต 1 ชุมพร ที่เป็นเก้าอี้เดิมของประชาธิปัตย์ แต่เมื่อ ถาวร เสนเนียม และ ชุมพล จุลใส กระเด็นตกเก้าอี้ไปแล้ว เมื่อเลือกตั้งใหม่ ย่อมมีผู้ร่วมชิงชัยคู่แข่งที่สำคัญของพรรคเก่าแก่ไม่ใช่จากพรรคฝ่ายค้าน หากแต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

อาจคุยกันได้สำหรับพรรคภูมิใจไทย แม้จะมีเป้าหมายในการช่วงชิงเก้าอี้พื้นที่ภาคใต้ก็ตาม ทว่าในสนามเลือกตั้งซ่อมพรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล น่าจะแสดงสปิริตทางการเมืองให้เพื่อนร่วมรัฐบาล แต่พรรคสืบทอดอำนาจไม่มีทางจะทำเช่นนั้นแน่ ยิ่งเห็นการลงพื้นที่ในสองจังหวัดของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.พร้อมเลขาธิการพรรคคู่ใจ ธรรมนัส พรหมเผ่า เท่ากับเป็นการแสดงตัวตนชัดเจนว่างานนี้ไม่มีหลีกทางให้มิตรแน่ และนี่จะเป็นบทพิสูจน์คะแนนนิยมและความสามารถในการจัดการเลือกตั้งของทั้งสองคนไปในตัวด้วย

นอกจากสนามเลือกตั้งซ่อมที่มองแนวโน้มสู้กันดุเดือดแล้ว การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจบอกว่าน่าจะเกิดขึ้นในกลางปีหน้า ก็ทำให้ประชาธิปัตย์รีบเปิดตัวผู้สมัครโดยทันที แต่ไม่ใช่เร่งรีบเพราะทุกอย่างผ่านการเตรียมการอย่างดี พลันที่ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือพี่เอ้ ไขก๊อกจากอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คอการเมืองก็รู้ทันทีว่าเป้าหมายเพื่อกระโจนสู่สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเก่าแก่

ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอันเป็นแค่พิธีกรรมตามวิถีของพรรคเก่าแก่ เพื่อใช้อ้างมติพรรค เนื่องจากก่อนการประชุมได้มีการวางแผ่นพับแนะนำตัวดร.เอ้ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยซองบรรจุหน้ากากอนามัยที่หน้าซองเป็นรูปสุชัชวีร์พร้อมข้อความว่า “เปลี่ยนกรุงเทพ #เราทำได้” ก็เป็นอันจบข่าว ส่วนความหวังที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งเหมือนเมื่อคราว อภิรักษ์ โกษะโยธิน ลาออกจากบริษัทเอกชนมาลงสมัครหรือไม่นั้น บอกได้อย่างเดียวว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม

ด้านพรรคสืบทอดอำนาจที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ฐานะมีส.ส.เมืองหลวงมากกว่าพรรคอื่น ยังตกลงกันไม่ได้จะเอาใคร เพราะผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถือหาง พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง แต่คนในพรรคมองว่าส่งไปโอกาสปราชัยมีสูง จึงปรากฏชื่อของ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร มาเป็นแคนดิเดต และเชื่อว่ากระแสน่าจะดีกว่าคนที่ท่านผู้นำออกแรงเชียร์ ศึกนี้ถือเป็นการวัดบารมีของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.กับน้องรักอีกยก ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งหนักข้อเข้าไปอีกแม้จะสร้างภาพกลบเกลื่อนแล้วก็ตาม

Back to top button