4 หุ้นอสังหาฯ ทอปปิก! จ่อรับลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง

ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 2565 โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ จากเดิม 2% เป็น 0.01%


เส้นทางนักลงทุน

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 2565 โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ จากเดิม 2% เป็น 0.01% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ อันเนื่องจากการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกันจากเดิม 1% เหลือ 0.01%

สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ สำหรับที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด

ทั้งนี้ มาตรการจะมีผลบังคับใช้สำหรับการโอนและจำนองตั้งแต่วันถัดจากวันที่เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565

ดังนั้นทาง บล.ทรีนีตี้ มองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยรวมทั้งหมด โดยการปรับตัวลดลงของค่าธรรมเนียมจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง แต่อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวมีผลกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังคงมี Rejection rate สูง และธนาคารยังคงมีความเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ผลตอบรับในมาตรการอาจจะไม่เต็มที่

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิจัยให้ Top Pick ของกลุ่มยังคงเป็น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  หรือ AP, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)  หรือ SPALI, บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH  และบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH

เนื่องจากบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทที่สามารถทำยอดขายและโอนได้เติบโตต่อเนื่องในช่วงโควิด-19 จากการที่ออกผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้า และไม่เน้นการลดราคา และสัดส่วนรายได้ที่มาจากโครงการแนวราบสูง จาก Real Demand และการ WFH ที่ลูกค้ายังคงมองหาบ้านใหม่ที่มีบริเวณและลดการใช้พื้นที่ส่วนรวม

นอกจากนี้ บริษัทข้างต้นยังมีแนวโน้มผลประกอบการช่วงปี 2565 ยังคงเติบโตโดดเด่น สะท้อนจากบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ดังต่อไปนี้

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  หรือ AP ทางด้าน บล.เมย์แบงก์ ระบุว่า แนวโน้มปี 2565 มูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีหน้าน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 หมื่นล้านบาท  เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง ใกล้เคียงกับการเปิดตัวโครงการใหม่โดยเฉลี่ยสำหรับปี 2560-2562 ส่วนใหญ่จะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2565 โครงการใหม่จะมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในแง่แบรนด์ รูปแบบที่อยู่อาศัย สถานที่ตั้ง และราคา

ดังนั้นจึงคาดว่ายอดขายล่วงหน้าในปีหน้าจะเติบโตต่อไปในอัตราเลขสองหลัก บริษัทมองว่ามาตรการ LTV 100% จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับสูง โดยธนาคารยินดีให้กู้ยืมแก่ผู้ที่มีสถานะทางการเงินที่ดีมากกว่ากลุ่มระดับล่าง (ที่อยู่อาศัย ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท/หน่วย)

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)  หรือ SPALI ทางด้าน บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า แนวโน้มสำหรับปี 2565 ส่วนของกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 6.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลบวกการผ่อนเกณฑ์ LTV ทำให้แนวโน้มยอดโอนจะเติบโตได้ดีขึ้น และมี backlog สำหรับโอนในปี 2565 แล้วที่ 1.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 48% จากเป้าหมายรายได้ที่ประเมินที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง backlog ยังอยู่ในระดับที่สูง ส่วนใหญ่มาจากคอนโดเป็นหลัก โดยในปี 2565 จะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนมากขึ้นเป็น 7 โครงการ จากปี 2564 ที่ 3 โครงการ นอกจากนั้น การเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่มากขึ้น จะช่วยเพิ่มให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมาย

บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH  ทางด้าน บล.เมย์แบงก์ ระบุว่า ส่วนของกำไรปี 2565-2566 จะเพิ่มขึ้น 23%/9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ เนื่องจากโครงการเปิดใหม่ เพิ่มขึ้น 30-35% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก LTV 100% และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการผ่านบริษัทร่วมดีขึ้น ฐานต่ำที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-2564

ทั้งนี้จากแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตที่คาดจะสดใส อัตราเงินปันผลตอบแทนควรสูงขึ้นมากกว่า 5% ต่อปี สำหรับปี 2565-2566 นอกจากนี้คาดว่า ราคาหุ้นของ QH ซึ่ง laggard คู่แข่งในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวควบคู่ไปกับผลกำไรที่คาดว่าจะเป็นขาขึ้น

บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH  ทางด้าน บล.กรุงศรี มีมุมมองเชิงบวกต่อ LH ในปี 2565 จากการโอนโครงการแนวราบที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง และมีคอนโดมิเนียมใหม่ “The Key Rama 3” ราว 2 พันล้านบาท โอนในปีหน้า แม้คาดว่า LH อาจยังไม่มีกำไรจากการขายเงินลงทุนในปีหน้า แต่ LH จะมีอัพไซด์จากศูนย์การค้า “Terminal Rama 3” ซึ่งอาจเริ่มดำเนินงานได้ในครึ่งแรกของปี 2565

เบื้องต้นประเมินว่าการลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าส่งผลให้เห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในแง่ของกำไรสุทธิและยอด Presales ในช่วงปี 2565

ดังนั้นหุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในปี 2565 จากแรงหนุนกำลังซื้อในประเทศที่มีมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้!!!

Back to top button