AJ ฟื้นชัดปี 65

นักวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 4 ปี 2564 ของ AJ ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนจากโควิด-19 ที่คลี่คลายขึ้น


คุณค่าบริษัท

มีประเด็นน่าสนใจสำหรับ บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJ โดยเบื้องต้นทางนักวิเคราะห์มีการประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 4 ปี 2564 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนจากโควิด-19 ที่คลี่คลายขึ้น และอานิสงส์จากคำสั่งซื้อบางส่วนที่ถูกชะลอและยกยอดจากไตรมาส 3 ปี 2564

นอกจากนี้ภาคการส่งออกโดยรวมปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ส่วนหนึ่งได้ปัจจัยบวกจากประเด็นขาดแคลนพลังงานในจีนทำให้การส่งออกแผ่นฟิล์มจากจีนลดลง อีกทั้งเป้าหมายการขยาย 3 สายการผลิตใหม่ยังเป็นไปตามแผน ได้แก่ แผ่นฟิล์ม Metallized เริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 และแผ่นฟิล์ม BOPP และ BOPET ในครึ่งหลังของปี 2565

สำหรับความคืบหน้าโรงงานที่เวียดนาม (JV ร่วมกับ SCG Chemicals) ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว และยังคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แผ่นฟิล์ม BOPP ได้ตามแผนในครึ่งหลังของปี 2565 ขณะเดียวกันบริษัทเผยว่าสถานการณ์ supply ของ capacity ใหม่ในอุตสาหกรรมแผ่นฟิล์ม BOPP ช่วงที่ผ่าน มามีเพิ่มในไทยเพียง 1 เครื่อง และในอินโดนีเซีย 1 เครื่อง ขณะที่ lead time ในการสั่งเครื่องจักรยังคงมีอยู่ ทำให้มองว่าการแข่งขันโดยรวมยังไม่น่ากังวล

นอกจากนี้ บล.เคทีบีเอสที คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 411 ล้านบาท ลดลง 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 อยู่ที่ 790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และคงกำไรปกติปี 2564 อยู่ที่ 638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 อยู่ที่ 790 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน นอกเหนือจากยอดขายโดยรวมที่จะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564

รวมทั้งมองว่าอัตรากำไรขั้นต้น มีแนวโน้มดีขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 10% เช่นกันหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ทำให้บริษัทไม่ต้องมีการเร่งระบายออเดอร์โดยการให้ส่วนลดกับลูกค้า ขณะที่การส่งออกแผ่นฟิล์มจากจีนที่ลดลง ส่งผลให้ราคาขายโดยรวมในอุตสาหกรรมมีทิศทางดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม มองว่าระยะยาวหุ้น AJ ยังมี upside และ synergy เพิ่มเติมจากการร่วมมือกันกับ SCG Chemicals จากการขยายกำลังการผลิตในเวียดนามเฟสถัดไป และการขยายตลาดประเทศอื่นในอาเซียน สำหรับ key risks ได้แก่ ราคาน้ำมันและค่าเงินที่ผันผวน

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายกิตติภัต สุทธิสัมพัทน์ 106,814,054 หุ้น 24.28%
  2. นายภูมิพันฉัตร สุทธิสัมพัทน์ 46,426,666 หุ้น 10.55%
  3. บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด 40,560,773 หุ้น 9.22%
  4. นายณรงค์ สุทธิสัมพัทน์ 29,880,000 หุ้น 6.79%
  5. นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล 22,558,700 หุ้น 5.13%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายณรงค์ สุทธิสัมพัทน์ ประธานกรรมการ
  2. นายกิตติภัต สุทธิสัมพัทน์ รองประธานกรรมการ, กรรมการผู้จัดการ
  3. นางนภาพร สุทธิพงษ์ชัย รองประธานกรรมการ
  4. นายสุพจน์ โทนุรัตน์ กรรมการ
  5. นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ กรรมการ

Back to top button