จบเร็ว..เริ่มเร็ว

ข้อสรุปอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ในภาวะ “นะจังงัง” ก็คือ ต้องรีบทิ้งหุ้นให้เร็วสุด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุน


*ข้อสรุปอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ในภาวะ “นะจังงัง” ก็คือ ต้องรีบทิ้งหุ้นให้เร็วสุด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลมากมายหลายเรื่องปะทุขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามที่กำลังฮึ่มใส่กันทุกวัน ท่าทีเฟดที่มีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด หรือแม้กระทั่งเรื่องลด QE ก็มีประเด็นให้เม้าท์แตกได้ทุกวันเหมือนกันนะจ๊ะ

*ที่น่าสนใจคือ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่มีการรับรู้มาเป็นระยะ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนแบบไร้ทางสู้ ดัชนีถึงดิ่งลงแบบมาราธอน 5 วันเต็ม ๆ ขณะที่วานนี้ทิ้งตัวลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,624.29 จุด ก่อนจะตีตื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,639.09 จุด ลบไป 1.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.48 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมเบ็ดเสร็จเป็นการลงลูกเดียว 6 วันติด จึงเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เชื่อว่า ดัชนีน่าจะลงไปตั้งหลักที่บริเวณ 1,600 จุดอีกรอบกระมัง!

*เนื่องจากผู้คนมากมายพูดถึงแต่เรื่องร้าย ๆ จนไร้วี่แววที่จะทำให้นักเล่นเกิดความมั่นใจ “โมนิก้า” จึงอยากให้ความกังวลต่าง ๆ จบเร็ว เพื่อทำให้บรรยากาศลงทุนดี ๆ กลับมาเริ่มเร็ว และมองว่า อาการฝืนขึ้นของตลาดหุ้นไทยในห้วงเวลานี้ ค่อนข้างเป็นประเด็นที่สุ่มเสี่ยงเหลือเกิน จึงไม่อยากเห็นแฟนคลับทุ่มสุดตัวเข้าไปช้อนหุ้น ยกเว้นต้องการโหนกระแสแบบสั้น ๆ อันนี้เดินหน้าใส่เต็มที่กันไปได้เลยจ้า!

*โดยเฉพาะในรายของพ่อดอกมะลิ JAS ก็สาละวนอยู่กับข่าวลือเดิม ๆ จนพวกขาจรงงเต็กไปตามกันนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่นักลงทุนต้องตามขาใหญ่ให้ทัน และไม่น่าจะมีอะไรพิเศษกว่ารอบก่อน ๆ จึงอยากให้แฟนคลับขาลุยมองไปข้างหน้าพร้อมกันว่า หากดีลมีจริง ๆ ราคาหุ้นควรจะเป็นเท่าไหร่? ก็จะอนุมานได้ว่า การยืนปิดที่ระดับ 3.64 บาท ลบไป 0.04บาท หรือลงไป 1.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 345 ล้านบาท น่าเล่นไหม?..อิอิอิ

*คล้ายกับประเด็นสวอปหุ้นของ NUSA ซึ่งสังคมกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ก็เป็นเกมยาวที่ต้องดูกันไปเรื่อย ๆ และในเบื้องต้นก็มีเสียงตอบรับดีจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็มีความชัดเจนของกระบวนการออกมาให้เห็นทีละขั้นตอน “โมนิก้า” จึงอยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องประเมินดีลนี้ “เป็นคุณ” หรือ “เป็นโทษ” กันเอาเอง ต่อจากนั้นจะรู้ว่า การยืนปิดที่ 1.47 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 2.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 307 ล้านบาท น่าจัดสักดอกไหมเจ้าค่ะ

*ในเมื่อมองเกมที่ยาวขึ้นเป็นหลัก “โมนิก้า” คงต้องเอ่ยถึงหุ้นสุดฮอตอย่าง GUNKUL แบบไม่ลังเลใจ เพราะไทม์ไลน์สำหรับการเติบโตชัดเจนสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายเขียว การดันบริษัทลูกเข้าตลาด หรือแม้กระทั่งการจับมือกับพาร์ตเนอร์ ล้วนสนับสนุนกำไรในปีนี้ ต่อเนื่องถึงปีหน้าโดดเด่นขึ้นมาทันที ผสานกับหุ้นยังเทรดบน PE 18 เท่า จึงทำให้ราคาปิดที่ 6.75 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.37 พันล้านบาท น่าเก็บเหลือเกินค่ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นที่โตดีขึ้นมาทั้งที ย่อมมีชื่อของหุ้น WFX สอดแทรกขึ้นมาทุกครั้ง และเหตุผลที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ก็มาจากกำลังผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับกำไรในงวดถัดไป และจะเห็นผลแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยในปี 66 “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 9 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 7.78% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 441 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 20 เท่า มันคือช็อตน่าซื้อของจริงพะยะค่ะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะมองไปที่หุ้น III ภายใต้การกุมบังเหียนของ “น้องทิพย์” ก็เป็นอีกหนึ่งหุ้นโลจิสติกส์ที่โชว์ผลงานอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะมุมของการซินเนอยี่ ล้วนส่งผลดีโดยตรงกับกำไรในบรรทัดสุดท้าย เดี๊ยนถึงมองการปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 16 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 111 ล้านบาท เทียบกับฟอร์มที่ดีวันดีคืน มันช่างน่าประทับใจเหลือเกินเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่ทำให้พ่อยกแม่ยกผิดหวังแบบไม่ทันตั้งตัว คงต้องมองไปที่หุ้นร้อนอย่างบีแป๊ด BE8 เพราะพี่ท่านเล่นสวมบทขุนค้อนสุดเหี้ยม พร้อมกับไล่ทุบทุกวันแบบไม่เหน็ดเหนื่อย จนมองไม่เห็นทางที่จะผงกหัวขึ้นได้ในเร็ววัน จนวานนี้ผิดคาดราคาหุ้นดีดกลับยืนบวกปิดที่ระดับ 37.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89 ล้านบาท พร้อมกับเกิดข่าวเม้าท์ว่า “เฮียชัช” กับ “เฮียฮง” คือกลุ่มคนที่น่าจะรู้ดีในเรื่องนี้..อิอิอิ

Back to top button