ซื้อเมื่อกลัว

ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมนักเล่นขาลุยที่กล้าซื้อสวนในภาวะตลาดหุ้นแดงเถือกกันทั้งโลก เพราะแสดงให้เห็นแนวทางลงทุนยังพุ่งเป้าไปที่เรื่อง “ซื้อเมื่อกลัว”


*ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมนักเล่นขาลุยที่กล้าซื้อสวนในภาวะตลาดหุ้นแดงเถือกกันทั้งโลก เพราะแสดงให้เห็นแนวทางลงทุนยังพุ่งเป้าไปที่เรื่อง “ซื้อเมื่อกลัว” ซึ่งเป็นจังหวะที่ทำให้นักลงทุนได้ “ของดี ราคาถูก” เข้าในพอร์ตเป็นจำนวนมาก หลังรู้แจ้งเห็นจริงว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะสงครามไปอีกนาน จึงมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะถอยร่นสุดกู่ โดยไม่กล้าทำอะไรเลยพะยะค่ะ

*ยิ่งเห็นแรงขายที่อัดเข้ามาตอนเปิดตลาด จนดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,680.50 จุด ก่อนจะตีตื้นขึ้นอย่างช้า ๆ แต่สุดท้ายก็โดนถล่มยับ จนรูดลงมาปิดโลว์ของวันที่ระดับ 1,671.72 จุด ลบไป 24.36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.77 หมื่นล้านบาท ยิ่งทำให้เชื่อว่า นักเล่นน่าจะเชื่อมั่นกับการทำหน้าที่ของแนวรับ 1,670 จุด และวันนี้น่าจะชิงลงมือซื้อสวนเมื่อดัชนีลงมาถึงบริเวณดังกล่าว เพราะเป็นจุดที่คนส่วนใหญ่ในตลาดมองเป็นฐานหุ้นสำหรับการเล่นในปี 65 ไงล่ะคะ

*ฐานความคิดดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เชื่อเหลือเกินว่า ยุทธวิธี “ซื้อสวน เล่นรอบ” คือกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับตลาดหุ้นไทย เพราะมันเห็นกันมาร่วมเดือนแล้วว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังพยายามยกฐานสูงขึ้น แถมในระหว่างทางก็มีหุ้นบางตัวกำลังทำนิวไฮ แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่กำลังทำนิวโลว์เหมือนกัน ส่งผลให้การเล่นเที่ยวนี้ต้องคัดสรรหุ้นรายตัวมากเป็นพิเศษ หลังหุ้นล้อไปตามกระแสที่มาแรงเป็นหลักน่ะซี

*หากจำกันได้ตั้งแต่ต้นปี 65 จะเห็นกระแสของหุ้นคอมเมิร์ซมาแรงสุด ๆ และตามด้วยหุ้นพลังงานที่ขึ้นตามน้ำมันโลก โดยระหว่างทางก็มีกระแสของหุ้นเหมืองบิตคอยน์ที่เข้ามาสร้างสีสันแบบวูบวาบ พร้อมกันนั้นก็มีการพูดถึงหุ้นปันผลในคราวเดียวกัน “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับเดาเกมกันอีกครั้งว่า ครั้งนี้จะพุ่งเป้าไปที่หุ้นโตดีไหม? เพราะในระยะยาวแวลูต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเจ้าค่ะ

*เหมือนกับการอ่อนตัวของหุ้นปูนใหญ่ SCC ก็เป็นช็อตที่ทำให้รู้ว่า ต่อให้ทำผลงานดีขนาดไหน? สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับกองทุนจะเล่นหรือเปล่า? “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นเอาแต่มุดหัวลงลูกเดียว แถมตอนนี้โดนผลกระทบต้นทุนน้ำมันแพงเล่นงานอีกดอก จึงกลายเป็นหุ้นที่ซื้อสวนได้เฉพาะอ่อนตัวลงมา และกลายเป็นประเด็นว่า การยืนปิดที่ระดับ 381 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.20 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 10 เท่า น่าเล่นไหมจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้น SINGER ก็เป็นช็อตที่นักเล่นต้องประเมินกันว่า ปีนี้กำไรโตแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ และยังมีลูกเล่นทางธุรกิจที่จะโชว์ของอีกเพียบ แต่ราคาหุ้นดันแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 45-55 บาทเป็นเวลา 3 เดือนแบบนี้ มันคือโอกาสทองของการเล่นรอบหรือเปล่า? หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 48 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 144 ล้านบาทแบบชิล ๆ นะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น GUNKUL ขึ้นมาทันที เพราะโปรไฟล์ปีนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกำไรโต รวมทั้งการสปินลูกเพื่อเข้าตลาดหุ้น ล้วนเป็นแวลูที่ส่งผลดีโดยตรงกับตัวแม่ เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 6.20 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.18 พันล้านบาท คือโอกาสของการซื้อสวน หลังเห็นกันชัด ๆ ว่าหุ้นมีรอบเล่นอยู่ในกรอบ 6.20-7.20 บาทน่ะซี

*เม้าท์ถึงเรื่องเล่นรอบขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น XPG เพื่อชี้ให้เห็นการเคลื่อนตัวในแบบ W-Shape ก็ก่อร่างสร้างตัวเป็นเวลา 2 เดือนแล้วกระมัง! แถมมีกรอบบนกรอบล่างที่บริเวณ 2-3 บาทให้เห็นอย่างชัดเจน เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับเดาทางกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 2.14 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 513 ล้านบาท เหมาะต่อการเล่นสั้น ๆ ขนาดไหนเจ้าค่ะ

*ส่วนคนที่ต้องการซื้อสวนหลังหุ้นลงมาถึงฐานเก่า “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น RS เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ของธุรกิจในปี 65 กำลังจะพลิกโฉมครั้งสำคัญในไตรมาส 2 ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 15.90 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 229 ล้านบาท กลายเป็นจุดที่เหมาะต่อการลงทุนไปโดยปริยาย เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับลองถามใจตัวเองว่า ทนถือหุ้นเพื่อรอให้ “เฮียฮ้อ” เบ่งกำไรได้นานแค่ไหน? เพราะเวทีนี้เป็นเวทีของคนที่มองยาว ๆ นะจะบอกให้

Back to top button