อ่อยเหยื่อ ‘เลือกตั้ง’

หลังจากปล่อยให้คนกรุงเทพฯ คนพัทยารอมาเกือบทศวรรษ กกต.เพิ่งได้ฤกษ์จัดเลือกตั้งผู้ว่า 22 พฤษภา 65 ฤกษ์งามยามดี 8 ปีรัฐประหาร


หลังจากปล่อยให้คนกรุงเทพฯ คนพัทยารอมาเกือบทศวรรษ กกต.เพิ่งได้ฤกษ์จัดเลือกตั้งผู้ว่า 22 พฤษภา 65 ฤกษ์งามยามดี 8 ปีรัฐประหาร ยึดอำนาจแล้วยึดเก้าอี้ จากเลือกตั้งเป็นแต่งตั้ง สภา กทม.เอาข้าราชการแก่ ๆ มานั่งตะบันน้ำกิน ผู้ว่า “อัศวิน ขวัญเมือง” ก็นั่งทับน้ำรอระบายเกือบ 6 ปี

จนจะต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว คนกรุงเพิ่งได้เลือกตั้ง คนกรุงผู้คิดว่ามีการศึกษาเหนือคนชนบท กลับไม่ได้เลือกผู้ว่าสักที ทั้งที่เลือก ส.ส.มา 3 ปี ทั้งที่คนอีก 76 จังหวัดได้เลือกนายก อบจ. อบต. เทศบาล กันหมดแล้ว

ฤกษ์งามยามดี อาจแปลว่าคน กทม.จัดกิจกรรมประณาม 8 ปีรัฐประหารไม่ได้ เดี๋ยว กกต.หาว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่มีความเป็นกลาง เป็นโทษกับผู้สมัครบางรายที่เคยเป่านกหวีดปิดเมือง หรือผู้สมัครจากพรรคบอยคอตเลือกตั้ง ฉะนั้นห้ามด่ารัฐประหาร ห้ามด่าผู้บอยคอตขัดขวาง เดี๋ยวจะทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม

การยอมให้เลือกตั้งผู้ว่าหลังยื้อมานาน มองอีกด้านก็เป็นการอ่อยเหยื่อ ลดแรงกดดัน ไม่ต่างกับ “ขอเวลาอีกไม่นาน” รัฐประหาร 5 ปี เดี๋ยว ๆ ก็จะเลือกตั้ง เดี๋ยว ๆ ก็จะเลือกตั้ง หลอกให้ประชาชนมีความหวัง จะได้ไม่ต่อต้าน สุดท้ายรอนานถึง 5 ปี

เลือกผู้ว่า กทม.ก็รอจนรัฐบาลย่ำแย่ อยู่ในกระแสเรียกร้องยุบสภา ค่อยปล่อยออกมาลดแรงกดดัน ก่อนนี้ก็โยนกันไปโยนกันมาระหว่าง กกต.กับมหาดไทย เพราะกฎหมายพิลึก ลักลั่น ต้องให้มหาดไทยเสนอ ครม. แล้ว กกต.ค่อยประกาศเลือกตั้ง สิริรวมใช้เวลา 3 ปี

อ้าง กกต.ไม่พร้อม หนึ่งปีจัดเลือกตั้งได้ทีละอย่าง เลือก ส.ส. เลือก อบจ. อบต. เทศบาล ฯลฯ เท่านั้นก็มีงานทำทั้งชีวิต มีงบประจำ 3 พันล้าน (ไม่รวมค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง) มีพนักงานเกือบ 3,000 มีงบบุคลากร 1.7 พันล้าน มีสำนักงานทุกจังหวัด เงินเดือนสูงกว่าข้าราชการ แต่เวลาเลือกตั้งก็ใช้ครูใช้ตำรวจใช้ฝ่ายปกครอง

รัฐบาลวันนี้เลี้ยงดินเนอร์กันจ้าละหวั่น ทั้งพรรคใหญ่พรรคเล็ก เพื่อประคองเสถียรภาพรัฐบาล ซึ่งไม่ค่อยจะมีหรอก แต่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นรัฐบาลย่อมดีกว่าไปเดินหาเสียงเลือกตั้ง โดยยังไม่รู้อนาคตว่าจะได้กลับมาไหม

แม้กระทั่งเศษพรรค ก็ไม่ได้อยากให้ยุบสภา เพราะมีโอกาสแค่ 0.0001% ที่จะได้กลับมาเป็น ส.ส. ภายใต้ระบบเลือกตั้งที่แก้ไขแล้ว ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่สามารถย้อนไปใช้สูตรปัดเศษแบบปี 62

รัฐบาลคงพยายามยื้อไปเรื่อย ๆ โดยใช้ข้ออ้างสารพัด เช่นอ้างประชุมเอเปก เป็นหน้าตาประเทศชาติ แต่ขณะเดียวกันก็ลดแรงกดดัน เช่นประวิตรบอกว่าหลังเอเปกจะยุบสภาเป็นของขวัญปีใหม่ “ขอเวลาอีกไม่นาน”

เห็นชัด ๆ ว่าอ่อยให้ประชาชนตั้งความหวัง  “ขอเวลาอีกไม่นาน” อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวประยุทธ์ก็ไปแล้ว ระหว่างนี้ก็ท่องคาถา “สัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร วิวัญชัยเย…” ไปพลางๆ

คำถามคือจะกดให้ประชาชนอดกลั้นได้จริงไหม ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างแย่ลง ทั้งโควิด เจอแจกจบ จบเห่จริง ๆ คนติดวันเป็นแสนไม่มีที่ให้รับยา ปล่อยไปตามยถากรรม อาศัยว่าโอมิครอนไม่รุนแรง ตายน้อย “แค่วันละ 70” ขณะที่เศรษฐกิจก็โทษยูเครนไม่ยอมแพ้รัสเซียเสียดี ๆ ทำให้น้ำมันแพง ปุ๋ยแพง ไข่แพง มาม่าแพง

รัฐบาลนี้อยู่ได้เพราะเครือข่ายอำนาจหนุนหลัง รัฐราชการทหารตำรวจกระบวนการยุติธรรมองค์กรอิสระ สามัคคีกันรัฐประหารแล้วสืบทอดอำนาจ ประชาชนไม่สามารถขับไล่ ถูกปราบถูกจับกุมคุมขัง ได้แต่ตั้งความหวังรอเลือกตั้งใหม่

แล้วรัฐบาลก็แขวนเหยื่อล่อให้มีความหวังไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเลือกตั้ง ๆ ๆ จนกระทั่งครบวาระปีหน้าโน่นแหละ ซึ่งประชาชนอาจทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แต่ความโกรธความไม่พอใจจะยิ่งรุนแรง

ท่ามกลางปากท้องที่แย่ลง คนไทยยังต้องทนฟังประยุทธ์สั่งสอนรายวัน

Back to top button