A5 เกมแหกตา

วันนี้เป็นอีกครั้งที่โมนิก้าต้องกระโจนเข้าไปเผือกกับเรื่องร้อนที่แมงเม่ากำลังให้ความสนใจ เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับดีลดันโยนขี้ให้กันไปมาอุตลุด


*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องกระโจนเข้าไปเผือกกับเรื่องร้อนที่แมงเม่ากำลังให้ความสนใจ เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับดีลดันโยนขี้ให้กันไปมาอุตลุด จนไม่รู้ว่า เรื่องราวอันไหนเป็นเรื่องจริง ? และมันมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ? เดี๊ยนจึงขออนุญาตวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าที่เกิดขึ้นเป็นหลัก ต่อจากนั้นค่อยเอาประเด็นที่สังคมเลือกข้างมาประเมินอีกที เพื่อทำให้เห็นวงจรอุบาทว์ในตลาดหุ้นไทยมันมีให้เห็นเป็นประจำเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ อย่าหาว่าเดี๊ยนไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเกินงาม เพราะมันเป็นหน้าที่ในการตีแผ่เรื่องราวให้กระจ่างชัด โดยใช้วิธีไล่เรียงไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ต่าง ๆ แบบไม่มีการตัดตอน..ไม่เช่นนั้นจะมองไม่เห็นภาพคนสีเทาที่เป็นตัวต้นเรื่อง และถ้ามองให้ลึกลงไปจริง ๆ ถึงรายละเอียดของเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันคือเกมแหกตาที่มีการวางแผนกันมาตั้งแต่ต้น จึงอย่าคาดหวังถึงผลลัพธ์จะออกมาสวยหรูเลยพะยะค่ะ

*ข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นภาพของหุ้น A5 ได้ชัดขึ้นในทันที เพราะเมื่อย้อนดูการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นตั้งแต่สมัยที่ยังเป็น ADAM ก่อนที่จะมาถึงปัจจุบัน มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แค่ไม่กี่ราย ซึ่งหนึ่งในตัวละครที่ถูกพูดถึงเยอะก็หนีไม่พ้น “เจ้าของ” กับ FA” โดยเฉพาะเรื่องการปรับโครงสร้างต่าง ๆ คนที่มีบทบาทมากสุด และยังเป็นคนที่รู้ดีมากสุด มันก็ย้อนกลับมายังที่ปรึกษานะจะบอกให้

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ชื่อของเสือโหยอย่าง “เฮีย ก.” ถูกจับตามากเป็นพิเศษ เพราะคนในยุทธจักรสีเทาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ชอบเกมเร็วแบบม้วนเดียวจบ! และเป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางในกลเกมหุ้นเป็นอย่างดี แถมยังมีวาทศิลป์เป็นอาวุธลับในการชี้นำเรื่องต่าง ๆ จนเจ้าของใหม่ที่ทุ่มเงินลงมาอย่าง “เฮีย ศ.” เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ พร้อมกับยอมทำตามคำแนะนำของเสือโหยทุกอย่างเจ้าค่ะ

*เมื่อทุกอย่างลงล็อกตามแผนที่วางไว้ จึงแนะนำให้เจ้าของใหม่ต้องทำการติด “ไซเลนต์ พีเรียด” เพื่อสร้างความชอบธรรมเวลาเกิดอะไรขึ้นมา ขณะที่เสือโหยกลับติดไซเรนท์ พีเรียดแค่เพียงบางส่วน (ขายหุ้นได้ 200 ล้านหุ้น) และเมื่อนับรวมหุ้นที่มีอยู่ในมือของทั้งสองคนก็ปาเข้าไป 70% และส่วนที่เหลือก็เป็นของกลุ่มวงศาคณาญาติ และผู้ถือหุ้นรายย่อยไงล่ะคะ

*สถานการณ์ทุกอย่างดูชื่นมื่น และสดใสซาบซ่าอย่าบอกใครเชียว แถมยังมีบทวิเคราะห์ค่ายดอกบัวออกมาประโคมราคาเป้าหมายสูงถึง 13.50 บาท ยิ่งเป็นการกระพือให้หุ้นที่ออกมาจากแผนฟื้นฟูดูเฟรชชี่มากขึ้นเป็นกอง แต่ทันทีที่กลับมาลงสนามเทรดวันแรก (7 มี.ค.) ดันกลายเป็นเรื่องโอละพ่อไปเสียฉิบ เพราะหุ้นโดนลากขึ้นไปถึงระดับ 9 บาทตั้งแต่นาทีแรก และต่อจากนั้นก็โดนสาดทิ้งทุกนาที จนวานนี้หุ้นลงมายืนที่ 1.85 บาทแล้วนะจ๊ะ

*ในระหว่างที่มะรุมมะตุ้ม และมั่วกันไปหมด เฮีย ก. ก็ฉวยโอกาสขายหุ้นในส่วนที่ไม่ติดไซเลนต์ฯ ออกมาแบบหน้า.. พร้อมกับรับเงินเข้ากระเป๋าเหนาะ ๆ มากถึง 160 ล้านบาท พร้อมกับประกาศลาออกจากบอร์ด (10 มี.ค.) ในทันที ซึ่งเป็นที่มาของการตามหาไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังดีลหฤโหด และหวยก็ดันไปออกที่ เจ๊ ป. เสียอย่างนั้น! จึงทำให้ดีลปั่นหุ้นทุบหุ้นไม่ชอบมาพากลอย่างแรง เพราะคนในวงการรู้ดีว่าดีลนี้ไม่ใช่ทางของสายม่วง..อิอิอิ

*กระแสเลยตีกลับมาหา เฮีย ก. แบบเต็ม TEEN เพราะเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าหุ้นก้อนใหญ่อยู่ในมือใคร ? และทำให้สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้นอมินีถือหุ้นแทนขึ้นมาทันที ผนวกกับการลาออกจากบอร์ด ก็เป็นเกมที่ขาโหดรู้ดีว่านี่เป็นใบเบิกทางสำหรับชิ่งหนีแบบเนียนตามากที่สุด เพราะไม่ต้องแจ้งรายงานการขายหุ้นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. จึงเป็นการปิดเกมแบบ “รวย รวย และก็รวย” เพราะรับต่ำ ๆ 500 ล้าน..จริงไหมเฮีย ?

*งานนี้คนที่น้ำท่วมปากสุด ๆ ก็หนีไม่พ้น เฮีย ศ. เพราะพูดอะไรออกไปก็มีแต่เข้าตัว แถมยังต้องดันบริษัทให้ทำกำไรสวย ๆ จึงกลายเป็นภาระหนักอึ้งที่ต้องเข็นไปให้ถึงจุดหมาย และมีคำถามตามมาเหมือนกันว่า รู้เห็นเป็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน ? แถมแมงเม่าอยากรู้ผู้บริหารทั้ง 2 หน่อที่กำลังตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมีต้นทุนหุ้นอยู่ที่ 0.50 บาทเหมือนที่เขาร่ำลือกันจริงไหม ? และมีการผิดสัญญาใจจนถึงขั้นไม่เผาผีหรือเปล่า ?..ก็ต้องชี้แจงให้สังคมได้รับรู้ อย่ามัวแต่อมสากนะแม๊..หุหุหุ

*สุดท้ายนี้ “โมนิก้า” หวังว่าเรื่องราวที่เล่าให้ฟังจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย และทำให้กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องหูตาสว่างมากยิ่งขึ้นนะจ๊ะ..นะจ๊ะ

Back to top button