EFORL หุ้นบริษัทที่พ้นจาก ICU

EFORL จากหุ้นที่มีกิจการขาดทุนต่อเนื่องยาวนาน จนปัจจุบันล่าสุดหลังจากผลของการปรับปรุงกิจการขนานใหญ่ด้วยการผ่าตัดครั้งใหญ่


จากหุ้นที่มีกิจการขาดทุนต่อเนื่องยาวนาน จนปัจจุบันล่าสุดหลังจากผลของการปรับปรุงกิจการขนานใหญ่ด้วยการผ่าตัดครั้งใหญ่ ผลการดำเนินงานของ บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานล้วน ๆ มากถึงกว่า 777 ล้านบาท ทำให้อนาคตที่เคยคาดว่าจะคดเคี้ยวกว่าเขาวงกตเริ่มกลับมาชัดเจนอีกครั้ง

แม้ว่ากำไรสุทธิที่โดดเด่นในรอบ 5 ปีจะไม่สามารถทำให้กำไรสะสมกลับเป็นบวกได้ แต่ยังปรากฏตัวเลขติดลบมากถึง 2.1 พันกว่าล้านบาทเศษ แต่ก็ทำให้ค่าพี/อีของราคาหุ้นที่ล่าสุดถอยลงมาที่แถวกำกับในการซื้อขายอยู่ แต่ก็ทำให้มีค่าพี/อีกลับมาได้อีกครั้งล่าสุดอยู่แถวระดับ 6.4 เท่า ซึ่งถือว่าน่าเก็บสะสมอย่างมาก

รายได้จากการขายและบริการสำหรับปี 2564 เท่ากับ 2,165 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 30 มากกว่าที่บริษัทปรับนโยบายมาหารายได้จากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจเครื่องมือแพทย์เป็นหลัก โดยในปี 2564 บริษัท สามารถทำรายได้จากเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สูงสุดจากที่ผ่านมา (New High) โดยรายได้จากการขายและบริการเครื่องมือแพทย์ปี 2564 มีจำนวน 2,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทมากที่สุดในรอบ 4 ปี

ที่สำคัญและโดดเด่นสุดคือ สามารถทำให้อัตรากำไรสุทธิกลับมาสวยงามอีกครั้งด้วยอัตราที่โดดเด่นระดับหัวแถวของบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ระดับเกิน 35% มีหนี้ต่ำ และทำธุรกิจขายเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่ยังมีมาร์จิ้นสูงต่อไป จากการที่สินค้ามีความต้องการจำนวนมาก ส่งผลเชิงบวกต่อบริษัทอย่างต่อเนื่อง

ผลพวงจากการขายขาดทุนสำหรับกิจการไร้อนาคต การที่ตัดสินใจบริษัทขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยกลุ่มธุรกิจความงาม ทั้งหมด ได้แก่ บริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริษัท สยามสเนล จำกัด ในไตรมาส 3 ของปี 2564 ให้กับบุคคลภายนอกในราคาที่เสมือนหนึ่ง “ยกภูเขาออกจากอก” ตัดขาดทุนคราวเดียว

นอกจากนั้นการผ่าตัดทางด้านการบริหารที่ทีมงานเดิมอย่างการลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือ ซีอีโอ ของนายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ และการเข้ามาถือหุ้นในราคาต่ำติดพื้นแบบเฉพาะเจาะจงของนายวิชัย ทองแตง ซึ่งเคยมีการถูกมองในเชิงลบว่าเป็นเกม “ลากราคาครั้งใหม่ ของพันธมิตรชั่วคราวที่จะสร้างความหวือหวาให้กับราคาหุ้นที่หลายปีมานี้ขาดทุนต่อเนื่อง (เพราะวิศวกรรมการเงินที่เคยคาดว่าจะได้ผลไม่ยอมทำงาน) ไม่เป็นความจริงจากการดำเนินงานที่เปลี่ยนแปลงในทางบวกสร้าง  แม้ราคาของหุ้น EFORL จะไม่หวือหวาตามคาดของบรรดาแมงเม่าบ้าบิ่นทั้งหลาย แต่การที่บริษัทสามารถพิสูจน์ตัวเองว่า มีการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางที่เหมาะสม ทำให้ราคาของหุ้นอยู่ในราคาที่ต่ำมากน่าสะสมเอาไว้ในฐานะหุ้นเทิร์นอะราวด์ที่ผิดแผกไปจากเดิมเมื่อมีการปรับโมเดลการบริหารจากการเล่นเกมที่ว่าคือ การเข้าประตูหลังแล้วมาสร้าง “สตอรี่” ใหม่เพื่อปรับเปลี่ยนราคาหุ้นมาเป็นการปรับทิศทางในระยะยาวที่ยั่งยืนแทนการหาทางถอนทุนและกำไรกลับคืนมาในระยะสั้น

ผลพวงจากยุทธศาสตร์ที่มีความมั่นคงจากต้นทุนที่ต่ำในการถือหุ้นของกลุ่มนายวิชัย ทองแตงที่มีต้นทุนราคาหุ้นที่ระดับ 0.04 บาท ได้ผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ EFORL พลิกจากสภาพ “หนองฝีแตก” ที่มีส่วนผู้ถือหุ้นใกล้ติดลบในสิ้นไตรมาสแรกปีก่อน แปลงฐานะกลายเป็นผีคืนชีพแบบแฟรงเกนสไตน์ ที่มีอนาคตใหม่อีกครั้ง จากการเร่งบุกในตลาดด้านธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์และธุรกิจเสริมความงามแบบครบวงจร (นับแต่ทำโรงพยาบาลศัลยกรรมความงาม การสร้างสาขาแบบ one stop shop การปรับปรุงสาขาให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภค การเพิ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสินค้าใหม่ ๆ การขยายสาขาในระบบ Franchise ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้า ที่ส่งผลให้บริษัทมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอและทำให้ผลประกอบการพลิกฟื้นกลับมาสดใส

หากการดำเนินฟื้นฟูฐานะการเงินและยุทธศาสตร์ธุรกิจนี้มีผลต่อเนื่อง น่าจะช่วยให้ EFORL ในยุคใหม่พลิกกลับมาล้างขาดทุนสะสมได้สวยงาม โดยมีกำไรสุทธิสวยงามต่อเนื่องและเสริมด้วยวิศวกรรมทางการเงินเสริมส่งเข้าไปโอกาสที่บริษัทนี้จะกลับขึ้นมามีกำไรสะสมเป็นบวก แล้วยังผลให้บุ๊กแวลูของกิจการกลับมาเหนือกว่าต่ำเตี้ยติดพื้นอย่างล่าสุดที่แถว 0.01 บาท กลุ่มนายวิชัย ทองแตง และพันธมิตรน่าจะได้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์สวยงามจากการฟื้นกิจการไปอีกยาวนาน

โดยไม่จำเป็นต้องไม่ต้องพูดถึงราคาหุ้นในอนาคตของ EFORL ว่าจะอยู่ที่เท่าใด ……ถึงเหมาะสม…ให้เสียรังวัดเปล่า ๆ

Back to top button