ประเทศที่ต้องคำสาป (ตอน 2)

ผลของการเบี้ยวหนี้ครั้งแรก ทำให้กลุ่มกองทุนระหว่างประเทศเพิ่มแรงกดดันเรียกร้องให้ ศรีลังกาจัดทำแผนการทางการเงินที่น่าเชื่อถือ


รัฐบาลศรีลังกาภายใต้ประธานาธิบดี Gotabaya Rajapaksa ประชานิยมโดยได้ลดภาษีจำนวนมากที่ส่งผลกระทบต่อรายได้จากรัฐบาลและนโยบายการคลังทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณที่จะทะยาน ติดลบต่อเนื่อง

การลดลงของภาษีรายได้เหล่านี้ ยังได้รวมถึงเกณฑ์ปลอดภาษีที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้ผู้เสียภาษีที่ลงทะเบียนลดลง 33.5% ลดภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 8% ลดภาษีนิติบุคคลจาก 28% เป็น 24% การยกเลิกการจ่ายตามที่คุณได้รับ (PAYE) ภาษีและ 2% ภาษีอาคารประเทศ ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน

การสูญเสียรายได้ภาษีจำนวนมาก ส่งผลให้หน่วยงานจัดอันดับลดลง การจัดอันดับเครดิตของ Sovereign ทำให้ยากต่อการรับหนี้มากขึ้น ในปี 2021 ประธานาธิบดีราชพฤกษ์ ตระหนักถึงการสูญเสียรายได้ แต่สมอ้างผ่านตลอดโดยข้ออ้างน้ำขุ่น ๆ บอกว่าถือเป็น “การลงทุน” และไม่มีแผนที่จะเพิ่มภาษีอีก 5 ปี เพื่อให้ครอบคลุมการใช้จ่ายภาครัฐ

เพื่อแก้ปัญหารายได้รัฐลดลงต่อเนื่องจากการจัดเก็บภาษีที่ลดลงกะทันหัน รัฐบาลหันมาใช้นโยบายพิมพ์เพิ่มปริมาณเงินในท้องตลาดแทน โดยที่ธนาคารกลางเริ่มพิมพ์เงินในจำนวนที่เพิ่มขึ้นมหาศาลโดยไม่สนใจคำแนะนำจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คัดค้าน โดยที่เสนอให้หยุดการพิมพ์เงินและเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มภาษี ในขณะที่ลดการใช้จ่ายงบประมาณต่อเนื่อง

พร้อมกันกับนโยบายเพิ่มปริมาณเงินในตลาด ที่มีแนวโน้มนำไปสู่เงินเฟ้อรุนแรง โดยดื้อรั้นไม่ฟังคำทัดทานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ออกมาเตือนว่า  การพิมพ์เงินอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่การระเบิดทางเศรษฐกิจ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2022 CBSL หรือธนาคารกลางของศรีลังกา ถูกกล่าวหาว่าพิมพ์รูปี 119.08 พันล้านรูปีเพิ่มเข้ามาในท้องตลาด (ถือเป็นจำนวนเงินที่รายงานสูงสุดที่ถูกเพิ่มในวันเดียว) ทำให้ปริมาณเงินทั้งหมดที่เพิ่มเข้ามาในตลาดการเงินสำหรับปี 2022 เพิ่มขึ้นเป็น Rs 432.76 พันล้าน

รัฐบาลได้กล่าวอ้างสวยหรูว่า ได้ดำเนินการปฏิรูปหลายด้าน ภายใต้โครงการที่สนับสนุนกองทุนการเงินระหว่างประเทศเพื่อการรวมตัวทางการเงินการคลังและประสบความสำเร็จในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และปฏิรูปการเงินการคลังภาครัฐ

การปฏิรูปเหล่านี้รวมถึงสูตรการกำหนดราคาเชื้อเพลิงอัตโนมัติ ซึ่งอ้างว่าลดความเสี่ยงทางการคลังที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยผู้ประกอบการของรัฐ (SOES) เพิ่มขึ้น

ปมปัญหาที่เริ่มกลายเป็นหายนะต่อเศรษฐกิจกลับอยู่ที่ การลดภาษีรายได้ทางตรงแต่เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มแทน จากอัตราเดิม 11% เป็น 15% และขยายฐานภาษีมูลค่าเพิ่มโดยการเพิ่มมาตรการยกเว้นแทน ซึ่งการปฏิรูปหลายแห่งถูกย้อนกลับโดยรัฐบาลใหม่หลังจากการเลือกตั้งปี 2019 ในทางลบ

นอกจากนั้นรัฐบาลยังคงเดินหน้าแก้ไขการเพิ่มเพดานก่อหนี้ภายนอกเพิ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 2012 ทำให้เพดานหนี้ต่างประเทศเพิ่มอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะหนี้เงินกู้จากจีนจนกระทั่งติดกับดักหนี้เพิ่มสัดส่วนสูงขึ้นจนมีหนี้ต่างประเทศกับจีนเกินกว่า 10% ของสัดส่วนหนี้จากต่างประเทศทั้งหมด (ตัวเลขในเดือน เมษายน 2021) แทนหุ้นหนี้ภายนอกของศรีลังกาที่ส่วนใหญ่เป็นหนี้กับตลาดทุนระหว่างประเทศซึ่งคิดเป็น 47% ในขณะที่อีก 22% เป็นยอดรวมของธนาคารเพื่อการพัฒนาพหุภาคี ตามด้วยญี่ปุ่นมี 10% ของหนี้ภายนอกศรีลังกาในเดือน มกราคม 2022

ประเด็นเงินเฟ้อและหนี้ต่างประเทศเพิ่มจะไม่น่าอันตรายถ้าหากว่าเศรษฐกิจและรายได้ส่งออกและบริการท่องเที่ยว ยังคงเป็นขาขึ้น แต่โชคร้ายของศรีลังกาก็ตรงกันข้าม

อัตราเงินเฟ้อระดับชาติเพิ่มขึ้นเป็น 17.5% ในเดือน กุมภาพันธ์ 2022 เกิดขึ้นในยามที่รายได้จากการท่องเที่ยวซึ่งเคยสูงถึง 15% ของจีดีพีทุกปี ที่หดหายไปเพราะโควิด-19 ที่ระบาดหนัก และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั้งรัสเซียและยูเครนซึ่งเคยเป็นลูกค้าหลักเกินกว่าครึ่งหดหายกะทันหันตามด้วยรายได้จากการส่งออกชา ที่เป็นสินค้าหลักนำเข้าในยูเครนหดหายไปด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นวิกฤตจากการเกษตรจากนโยบายต่อต้านการใช้ปุ๋ยเคมี ก็ทำลายอุตสาหกรรมผลิตชาเพิ่มส่งออกรุนแรง และการผลิตข้าวที่เป็นอาหารหลักก็ลดลง

นับตั้งแต่เดือน เมษายนปี 2021 ประธานาธิบดี Gotabaya Rajapaksa ประกาศว่าศรีลังกาจะอนุญาตให้ทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์เท่านั้นที่ห้ามปุ๋ยอนินทรีย์และปุ๋ยเกษตร การผลิตชาลดลงเนื่องจากการห้ามปุ๋ยเพียงอย่างเดียวส่งผลให้เกิดผลขาดทุนทางเศรษฐกิจประมาณ 425 ล้านดอลลาร์และสร้างการผลิตข้าวลดลง 20% ภายในหกเดือนแรก ทำให้ศรีลังกาที่เคยบรรลุความพอเพียงในการผลิตข้าว ต้องถูกบังคับให้นำเข้าข้าวในราคา 450 ล้าน

การเน้นหนักว่า ต้องลดความสำคัญกับการทำฟาร์มภายใต้โครงการออร์แกนิกที่มีต้นทุนแพงกว่าสิบเท่าและผลิตผลตอบแทนครึ่งหนึ่งของเกษตรกรจากโปรแกรมการห้ามนำเข้าปุ๋ยเคมี เพื่อเปลี่ยนเป็นเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสมอ้างว่าจะลดโรคไตเรื้อรัง ของผู้บริโภคใบชาเนื่องจากความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงส่วนใหญ่ของฟลูออไรด์และแมกนีเซียมของน้ำ มาตรการการห้ามการค้าของปุ๋ยเคมีและสารกำจัดศัตรูพืชผลิต ด้วยแผนการที่จะกลายเป็นประเทศเกษตรอินทรีย์แห่งแรกของโลก กลายเป็นการทำลายพลังการผลิตที่ยากจะพลิกพื้นได้เร็วไว

ในปี 2020 สถาบันจัดอันดับเรตติ้ง S & P Global Ratings กล่าวเตือนว่า แหล่งเงินทุนที่มีอยู่ของศรีลังกา ไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมความต้องการการให้บริหารหนี้ประมาณ 4.0 พันล้านดอลลาร์ และเตือนให้ แก้ปัญหางบประมาณในการชำระหนี้การประมูลของคลัง ทดแทนการประมูลตั๋วเงินคลังที่ล้มเหลวที่เต็มไปด้วยการพิมพ์เพิ่มปริมาณเงิน

เมื่อทางการศรีลังกาเริ่ม “ตูดขาด” จากการเบี้ยวหนี้เงินกู้ ทางการจีนก็เริ่มระวังตัวจากการช่วยเหลือเพราะในระหว่างการเจรจากับรัฐมนตรีต่างประเทศจีนครั้งล่าสุด เมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ไม่มีการตอบสนองคำร้องขอของศรีลังกา อย่างเป็นทางการ

ผลของการเบี้ยวหนี้ครั้งแรก ทำให้กลุ่มกองทุนระหว่างประเทศเพิ่มแรงกดดันเรียกร้องให้ ศรีลังกาจัดทำแผนการทางการเงินที่น่าเชื่อถือและนโยบายการเงินเพิ่มภาษีเพื่อชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยและการเปิดนำเข้า

Back to top button