KISS จูบ (กำไร) ไม่หวาน

เมื่อ KISS เริ่มจูบ (กำไร) ไม่หวาน...ก็เลยทำให้นักลงทุนพร้อมใจกันเทหุ้น KISS อย่างที่เห็น...


ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ. ข้ามสู่ มี.ค. หุ้นจูบ บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ราคาต่ำ 8 บาท มาตลอด แม้จะมีแรงฮึดมาแตะ 9 บาทบ้างบางช่วง แต่ก็ไปไม่รอด สุดท้ายก็ลงมาย่ำฐานต่ำ 8 บาทอีก จนตอนนี้ราคาอยู่ที่ 7.35 บาท

ที่สำคัญ KISS ได้กลายเป็นหุ้นต่ำไอพีโอ (ไอพีโอ 9 บาท) ไปแล้วโดยปริยาย…

สาเหตุอาจเกิดจากความพะว้าพะวังว่า งบไตรมาสแรกจะออกมาไม่ดีหรือเปล่า..?

ล่าสุดชัดเจนแล้วว่า งบออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่…กำไรสุทธิเหลือแค่ 19 ล้านบาท ลดลง 55.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เคยทำได้ 43 ล้านบาท…

กำไรที่หายไปเกินกว่าครึ่ง…หลัก ๆ เกิดจากรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ลดลง 29.9% อยู่ที่ 176 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 148 ล้านบาท ลดลง 21.5% กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 18 ล้านบาท ลดลง 48.8% กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2 ล้านบาท ลดลง 82.3% และผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม 7 ล้านบาท ลดลง 46.8%

เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง…

นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากกิจการร่วมค้า (บริษัท โอทู คิส จำกัด) จำนวน 2.1 ล้านบาท และการรับรู้ค่าใช้จ่ายจากบริษัทย่อย (บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด) จำนวน 0.7 ล้านบาท ซ้ำเติมอีกด้วย

เมื่อ KISS เริ่มจูบ (กำไร) ไม่หวาน…ก็เลยทำให้นักลงทุนพร้อมใจกันเทหุ้น KISS อย่างที่เห็น…

แต่ที่น่าสนใจ ถ้าไปดูโครงสร้างผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก จะเห็นว่า ก่อนหน้านี้ที่มีแบงก์ใหญ่อย่างธนาคารกรุงเทพ ถือหุ้นเบอร์ 5 สัดส่วน 1.67% และนักลงทุนรายใหญ่ “เซียนฮง”–สถาพร งามเรืองพงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 6 สัดส่วน 1.49%…ล่าสุดชื่อทั้งสองรายไม่มีแล้วนะ…

เอ๊ะ…หรือจะเผ่นแน่บไปหมดแล้ว…ก็ไม่รู้สินะ

ส่วนบริษัทประกันรายใหญ่อย่าง บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเดิมถือหุ้นเบอร์ 7 สัดส่วน 0.99% ปัจจุบันขยับมาเป็นเบอร์ 5 แต่สัดส่วนหายไป เหลือ 0.97%

อ้อ…ที่ยังไม่ปันใจออกห่าง เห็นจะเป็นบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ซึ่งยังถือหุ้นใหญ่เบอร์ 3 สัดส่วน 9.99% เหมือนเดิม

แต่ที่ไม่เหมือนเดิม…ก็กรณีบริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GRAMMY เตรียมจะขายหุ้น 60% ในบริษัท โอทู คิส จำกัด หรือ O2KISS ให้กับ KISS นี่แหละ…ทั้ง ๆ ที่ O2KISS เป็นบริษัทร่วมทุนที่ทั้งคู่เพิ่งจัดตั้งเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.2564 โดย KISS ถือหุ้น 40% และ โอ ช้อปปิ้ง ถือ 60%

เรียกว่าหม้อข้าวไม่ทันดำ ก็แยกทางกันซะแล้วเหรอเนี่ย…ไม่รู้ว่านี่จะเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือเปล่า..? อันนี้น่าคิด

แต่ถ้าดูจากสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย นำมาสู่การเปิดประเทศ ก็น่าจะส่งผลดีต่อ KISS ไม่น้อย…ประกอบกับเพิ่งปิดดีลซื้อ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด (HIB) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตและบรรจุยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโต ก็คงช่วยทำให้งบ KISS ดูดีขึ้นล่ะมั้ง…

อย่างน้อย ๆ คงทำให้จูบที่หวานน้อยไปหน่อย…น่าจะหวานมากขึ้นบ้างแหละน่า..!?

…“จูบพี่หวานน้อยไปหน่อย…พี่บุญน้อยน้องคอยไม่ได้…จางร้างไกลเหมือนคนใจดำ…”

…อิ อิ อิ…

Back to top button