กลเกม JAS

วานนี้ประเด็นที่ผู้คนเม้าท์ถึงมากมายไม่ใช่เรื่องภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และอยู่ในอาการไม่แน่นอนเลยสักอย่าง แต่เป็นเรื่องของพ่อดอกมะลิ JAS


*วานนี้ประเด็นที่ผู้คนเม้าท์ถึงมากมายไม่ใช่เรื่องภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และอยู่ในอาการไม่แน่นอนเลยสักอย่าง แต่เป็นเรื่องของพ่อดอกมะลิ JAS ซึ่งได้รับฉายาเป็นหนึ่งในตัวแสบของวงการตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” จึงขอเริ่มต้นบทสนทนาเรื่องราวที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนตั้งแต่ต้น เพราะเป็นเรื่องที่ขาเผือกหยิบยกไปเม้าท์กันสนั่นหวั่นไหว ซึ่งอาจมีการแต่งเติมอารมณ์ส่วนตัวเข้าไปเยอะพอสมควรดีกว่านะจ๊ะ

*โดยเฉพาะจุดเริ่มต้นของดีลดังกล่าวมันทำให้หลายคนเชื่อว่า งานนี้ต้องมีอินไซด์อย่างแน่นอน? โดยเฉพาะในมุมของแรงขายที่สาดใส่ไม่ยั้งตั้งแต่ช่วงเช้าของวันพุธที่ 22 มิ.ย. จนทำให้ราคาหน่วยลงทุนของ JASIF กลายสภาพเป็นนกปีกหัก หลังราคาหุ้นกระโดดลงจาก 10.30 บาท ลงมาปิดที่ระดับ 9.25 บาท ซึ่งเป็นการรูดลงพรวดเดียว 10% และยังเป็นราคาปิดเกือบโลว์ของวันอีกด้วยไงล่ะคะ

*ตรงนั้นถือเป็นสตอรี่ที่ทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นหันมาสนใจพ่อดอกมะลิ และบรรดาบริษัทที่อยู่ใต้อาณัติตาลุกวาวกันเป็นแถว เพราะมันน่าจะมีซัมติงลองอะไรบางอย่างอีกแน่ ๆ ผนวกกับคนที่ออกหน้าแบบเต็มตัวอย่าง บล.บัวหลวง ก็ออกมายืนยันทุกอย่างยังเหมือนเดิม จึงทำให้ความสงสัยคลี่คลายไปได้ในระดับหนึ่ง เพราะสัญญาการเช่าโครงข่ายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังคงมีกลิ่นอายที่ชวนฉงนแบบจาง ๆ นะจะบอกให้

*เนื่องจากหลายคนสงสัยว่า กองทุนที่สาดหุ้นออกมาไม้แรกน่าจะรู้อะไรบางอย่าง ถึงกล้าโยนหุ้นทิ้งแบบไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น และเรื่องนี้ก็มีพวกนกรู้เม้าท์กันให้แซ่ดห้องค้าว่า เฮีย.ค แห่งค่ายดอกบัวน่าจะรับรู้ข้อมูลเลา ๆ แต่ไม่สามารถบอกกับคนภายนอกได้ เพราะต้องรอให้ทุกอย่างถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเสียก่อน ต่อจากนั้นจะทำให้ทุกคนปะติดปะต่อเรื่องราวกันได้เองจ้า! (สายมโนก็มาแบบจัดเต็ม)

*ในที่สุดความจริงก็ปรากฏออกมาให้เห็นตั้งแต่เช้าตรู่ของวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. ซึ่งมีการแจ้งตลาดฯ อย่างเป็นทางการว่า ADVANC ได้สวมวิญญาณพ่อบุญทุ่มด้วยการควักเงินมากถึง 3.20 หมื่นล้าน เพื่อทำการเทคโอเวอร์ธุรกิจของ TTTBB ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจบรอดแบนด์ต่อจากพ่อดอกมะลิ ขณะเดียวกันก็ขอซื้อหน่วยลงทุน JASIF ต่อจากพ่อดอกมะลิซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในระดับ 19% อีกด้วยเจ้าค่ะ

*น่าประหลาดใจตรงที่ราคาหุ้นของ JAS กับ JASIF กลับเกิดอาการดิ่งลงหน้าตาเฉย ทั้งที่หลายคนมองว่า พ่อดอกมะลิรับทรัพย์ก้อนโตจนกระเป๋าตุง และน่าจะมีเงินปันผลพิเศษติดปลายนวมให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่รายหลังน่าจะได้ประโยชน์จากการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ จึงกลายเป็นการเปิดแผลเก่าให้มีรอยแตกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ต้องไล่ทำความเข้าใจกันใหม่พะยะค่ะ

*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น! ล้วนมาจากพ่อดอกมะลิทรุดฮวบมาปิดที่ระดับ 3.12 บาท ลบไป 0.48 บาท หรือลงไป 13.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.72 พันล้านบาท ขณะที่แจ๊สอีฟก็ทิ้งตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 9.10 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.20 พันล้านบาท กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า พวกขาใหญ่ต้องรู้บางอย่างที่ซ่อนเงื่อนไว้หลังฉากแน่ ๆ และเรื่องนี้ก็เชื่อมโยงกับเสียงร่ำลือถึงการเปลี่ยนสัญญาที่เกิดเมื่อปลายเดือนก่อนเสียด้วยไงล่ะคะ

*นี่จึงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของหนังเรื่องยาวที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ คงต้องไปวัดพลังกันในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพราะดูเหมือนคนส่วนใหญ่ไม่แฮปปี้กับดีลดังกล่าวกันเลย จึงพากันถล่มขายหุ้นแบบไม่ให้โงหัว รวมถึงประเด็นลับ ๆ ล่อ ๆ ที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ ก็คงถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ไล่บี้ข้อมูลอีกตามเคย “โมนิก้า” จึงขอนั่งดูเรื่องราวอยู่ห่าง ๆ เพื่อบอกเล่าข่าวลือที่เกิดขึ้นดีกว่า..อิอิอิ

*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอพูดถึงการทรุดตัวของดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,560.27 จุด ลบไป 12.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.56 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางแรงขายที่มาจาก “ฝรั่งหัวทอง” กับ “กองทุนแสบ” เป็นตัวการสำคัญแบบนี้ มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่พร้อมที่จะโบยบิน เพราะอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศยังเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนตัวของดัชนี จึงต้องทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงสถานเดียวนะคะ

Back to top button